ผมได้มีโอกาส อ่านเรื่องราวของ Buffett
จริงๆ มันก็เป็นบทความสั้นๆหละครับ 

แต่นิกว่า มันให้อะไรดีๆ หรือมุมมองดีๆกับคุณเยอะเลยครับ

ข้อแรก เลยนะ ความรัก=การลงทุน จะมีช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าคุณ เรียกร้องมากเกินไป ผลก็อาจไม่ได้อย่างที่ต้องการจิงไหม

นิกกำลังบอกว่า เราเรา ช๊อบมากที่จะเอาตัวเองเป็น ศูนยกลางของโลก เจอใครที่ถูกใจ เราเราก็พุ่งเข้าไปเลย โดยไม่คิดว่า เอ๊ะ จิงๆ เค้าคนนั้น อาจจะยังไม่พร้อมที่จะรู้จักเราก็ได้ (ซึ่งอันนี้นิกเคยเป็นบ่อย) คุยกัน นัดเจอกัน ไอ้เราก็เทคแคร ทำโน่นทำนี่ให้เค้า เพราะอะไรหรอ เพราะนิก คาดหวังให้เค้าตอบรับนิกไง โดยไม่เคย เล๊ย ไม่เคยรอเวลา ให้มันตัดสิน
(ซึ่งอันนี้ไม่ดี แต่เก๊่าก็ยังเป็นอยู่ ^^)
ถ้าจะให้นิก เปรียบกับหุ้น ถ้านิก ซื้อหุ้น นิกก้อ คาดหวังจะให้ หุ้นนิก ไปได้สู๊งสูง  โดยไม่สนว่า คนที่ขายหุ้นนี้ให้นิก เค้าอาจจะมองเห้นความต่าง  พอหุ้นที่นิกลงทุนตก  นิกก้อ งอแง ไม่รอ  

จังหวะ ความรัก ก็คงเหมือนกันหละมั้ง เราคุยกับใคร เราก็ต้อง รอและให้เวลาหัวใจ เราได้ตัดสินใจ และวันนึง คุณจะศรัธทา ในหุ้นตัวนี้ ที่คุณลงทุน ผมเชื่อแบบนั้น

แล้วถ้าเกิด หุ้นมันนิ่งหละ  (นิกเปลี่ยนหุ้นคือใครสักคนนะหรืออาจจะเป็นตัวเราก็ได้)
ถ้าเกิดหุ้นมันนิ่ง  เพื่อรอให้เรามาซ์ื้อ แต่ ไอ้คนอย่างเรา เรา ก็มักจะเกี่ยงราคา รอให้ราคามันต่ำลง 
(เฮ้ย จิงๆของดี หุ้นที่ดี มีคุณภาพ อยู่แล้ว ราคาย่อมไม่เท่าเดิมปะวะ) ถ้าช้า คนอื่นก็ต้องมาคว้าหุ้นตัวนี้ไป

เมื่อถึงจังหวะรุก คุณต้องก็เสี่ยง นะครับ มันอาจจะเจ็บก็เถอะ แต่ ไม่ใช่ รอ ร๊อรอ ให้ว่าหุ้นตัวไหนน๊า ใครซักคนน๊า ที่เข้ากับเงื่อนไข เรา (แบบนี้ นิกเรียกว่า ยึดติดปะ)

เอาหละ นิกมีข้อสอง ครับ 
หว่านไปทั่ว ย่อมไร้ผล  รักโดยไม่คิด ก็ย่อมไร้ค่า

คุณอาจจะเคยผิดหวังกับ หุ้นตัวนึง (อกหักอะว่าง่ายๆ) แต่คุณก็ยังต้องการเล่นหุ้นอยู่ (ก็ นะ ยังอยากมีความรัก)
คุณก็ เอาแต่มองหา หุ้นที่ คล้ายตัวเดิม หรือบางที แทบไม่ต่างกันเลย 

แล่ว ผล มันจะเป็นยังไงหละ ก็ แห้วสิครับ เจ็บซ้ำแล้ว ซ้ำอีก  (อันนี้นิกก้อเป็น และเชื่อว่าทุกคนก็เป็น)
เพราะ การ เริ่มต้น ความรัก หรือเริ่มต้นใหม่กับใคร ซักคนทุกครั้ง ย่อมต้องใช้ ต้นทุน ต้นทุนในการศึกษากันและกันไง

แต่ถ้าเรา ดื้อ นิกงอน ไม่กล้ายอมรับ เงื่อนไขของอีกฝ่าย  สุดท้าย เราก็แก้ไข ปัญหา ด้วยการ เบนเข็ม ไปหาคนที่เข้ากับเงื่อนไขเรามากที่สุด ซึง แต่ส่วนใหญ่ ก็เจอแต่ แย่กว่าเดิม 

เจอของดี (คนดีๆ)  หุ้นดี ถ้ามีใครสักคนมองเห็น เค้าคว้าไปซะละ

แล้วเราเหลืออะไรหละ ครับ  เราก็เหลือแต่ หุ้นกลางๆ ความรักกลางๆ หรืออาจจะแย่
ให้ใคร ให้คนเชื่องช้า และรอคอยความรักที่สมบุรณ์ เนี่ย  มาแย่งกัน  (ฉะนั้น นิกถึงไม่เคยตั้งเงื่อนไขใดๆเยอะแยะเลย)

แล้วไงต่อละ
ก็นะ    ความรัก กับการลงทุน  มันเป็นเรื่องไม่แน่นอน เราไม่ควรไปยึดติดทางใดทางหนึ่งเกินไป 
นิกกำลังจะบอกว่า คุณก็เริ่มต้น ทดลองทีละนิดสิ  แล้วดูปฏิกิริยา  ถ้าเกิด เค้าคนนั้นไม่ใช่
 เราก็ต้องตัดใจครับ ขาดทุนนิดเดียว เอาน่า

แต่!! อย่าไปหลอก หรือให้ความหวัง หัวใจตัวเอง ไปวันๆ  (ไม่ดีนะ ไม่ดีทั้งสองฝ่ายเลย) 

แต่เด๋วก่อนสิ ถ้าเกิด หุ้นที่เราลงทุนซื้อที่ละนิด มันเป็นผลบวกหละ 
หรือ นิกพุดบ้านๆว่า ความรัก เรามันเป็นบวกหละ 

แน่นอน นิกเองต้องลงทุนเพิ่ม และระหว่างนั้น ก็ใช้เวลา ศึกษา  ทุ่มเท สติปัญญา ตรวจสอบหุ้นตัวนี้อยู่สม่ำเสมอ 
และถ้านิกรู้ว่า หุ้นที่นิกถืออยู้ ดี แม้ว่ามันจะมีข่าวร้าย ข่าวไม่ดี โน้นนี่นั่น

นิกก้อจะ ใช้สติของนิก มองข้ามไป เพราะนิกเห็นผลระยะยาว คนหุ้นตัวนี้ของนิก จะเป้นหุ้นที่ดีเลิศ ไม่เปลี่ยนแปลง



อะอะ ถึงข้อสุดท้ายแล้วนะ
ข้อสาม ความรัก อะ มันผิดพลาดกันได้ครับ คนฉลาดที่สุดยังผิดพลาดเลย 
แต่ วิธีแก้  เราต้องเปิดใจให้กว้างนะ และ เรียนรู้อย่างจิงจัง เพราะนิกเชื่อว่า หุ้นตัวใหม่ที่เราเปิดใจ
เราย่อมทำให้ หุ้นที่ขาดทุน เป็นกำไรได้เสมอ 

เอาปากกามาจดเลยนะ ประโยคนี้
คนเรา ครับ นิกอยากจะบอกว่า ชอบเอา เงินไปฝาก ธนาคาร เพราะไรหรอ ก็เพราะกลัวความเสี่ยงกับการลงทุนไงครับ

รู้ไหมว่า คุณ  Buffett บอกว่าไง 
นิกชอบมากเลย แกบอกว่า  ถึงเราจะขาดทุน แต่การขาดทุนครั้งนึง มันจะทำให้เราโต และฉลาดขึ้น การลงทุนครั้งต่อไป ก็ย่อมเพิ่มเป็นทวีคูน และตลอดกาล 


สรุปว่า เจ้าความรักสำหรับนิกก็เหมือนกับการลงทุน 

เราต้องเปิดใจ และเรียนรู้ คนคนนั้นอย่างลึกซึ้ง คิด วิเคราะ หัวใจตัวเอง และหัวใจ คนที่คน คุยอยุด้วย
นิกเชื่อว่า ซักวันนึงเถอะน่า 

คุณจะเจอคนรัก ที่ดี และพร้อมจะเป้นคู่ชีวิตคุณแน่นอน
นิกเองก็หวัง จะมีและเจอ เช่นนั้นเหมือนกัน


ขอบคุณพื้นที่ ดีๆ ตรงนะครับ