กษัตริย์ริชาร์ดแห่งอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 12 นั้นได้ชื่อว่าเป็น Fearless Warrior หรือนักรบผู้ปราศจากความกลัว กระทั่งต่อไม่ได้รับการขนาดนามว่า “ริชาร์ดใจสิงห์” (Richard The Lion Heart) เนื่องด้วยพระองค์ตะลุยรบในดินแดนครูเสดชนิดไม่กลัวตาย
นั่นเป็นแง่มุมการรบของพระองค์ แต่ แง่มุมความรักของกษัตริย์ริชาร์ดนั้นอยู่ในข่าย “หวือหวา” เกินจินตนาการ เพราะพระองค์ทรงรักได้ทั้งชายและหญิง
เป็นที่รู้กันว่า พระองค์ถูกเลี้ยงดูในแผ่นดินฝรั่งเศสอันเป็นดินแดนประสูติของพระเจ้าเฮนรี่พระบิดา ระหว่างที่เจริญเติบโตมานั้นองค์ริชาร์ดทรงมีความวาบหวามพระทัยกับกษัตริย์ ฟิลลิป ออกัสตัส แห่งฝรั่งเศสที่มีวัยไล่เลี่ยกัน(ริชาร์ดแก่กว่า) ถึงขนาดที่นอนเตียงเดียวกันหลายปีกระทั่งต้องแยกกันไปบัญชาการรบที่เยรูซาเล็มเมื่อเกิดสงครามครูเสดที่กษัตริย์ซาลาดินแห่งอียิปต์ไปยึดเอาไว้
ฟิลลิป ต้องเดินทางนำทัพไปแดนครูเสด ส่วนริชาร์ดนั้นกลับไปอังกฤษเพื่อรับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ พร้อมกับอภิเษกสมรสกับสตรีนามว่า เบอเร็งกาเรีย แห่ง เนิฟร์ ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันสั้นๆจากนั้น กษัตริย์ริชาร์ดก็ต้องรีบออกเดินทางไปสนามรบครูเสดโดยที่ต้องทิ้งพระราชินีเบอเร็งกาเรียไป
เมื่อเดินทางไปสูสนามรบ ก็ได้พบกับฟิลลิป ออกัสตัส และได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างหวานชื่นในสนามรบ กระทั่ง ได้พบกับซาลาดิน-กษัตริย์อียิปต์ผู้เป็นศัตรูคนสำคัญ ตามประวัติศาสตร์บอกว่าซาลาดินนั้นรบเก่งกาจมาก ยากที่สองนักรบจากยุโรปจะเอาชนะได้ และที่พิลึกมากๆก็คือ ซาลาดินกับริชาร์ดนั้นส่งสายตาหวานปิ๊งใส่กันระหว่างรบ เรื่องนี้ทำให้กษัตริย์ฟิลลิปล่วงรู้ความนัยท้ายที่สุดก็เปิดทางให้ทั้งริชาร์ดได้รับกับซาลาดินก็แล้วกัน
การรบของซาลาดินกับกษัตริย์อังกฤษนั้นเป็นแบบรบพิศวาสบาดจิตเอามากๆ เรียกว่ารบกันไปเห็นใจกันไป กระทั่งคราวหนึ่งริชาร์ดป่วยหนักเพราะอากาศร้อน(คนยุโรปไม่ชิน)ทำให้ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ข้างฝ่ายซาลาดินก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะศัตรูรูปหล่อไม่ออกมาให้เห็นหน้า ว่าแล้วก็จัดหมอหลวงของอียิปต์ไปดูแล พอรู้ว่าป่วยแบบนั้นจึงสั่งให้ขุนทหารรีบขี่ม้าเร็วไปเอาหิมะเย็นๆไปโกยหิมะจากเทือกเขาสูงในเลบานอนแล้วนำใส่อุปกรณ์เอามาที่สมรภูมิเพื่อให้ริชาร์ดได้บรรเทาอาการร้อนโดยเข้าเครื่องยาแบบอาหรับ....จากนั้นริชาร์ดก็หายป่วย และกลับมารบกับศัตรูรูปหล่อได้ต่อไปอีก....
เมื่อได้เวลาที่ริชาร์ดกลับบ้าน แน่นอนว่า ย่อมคิดถึงซาลาดินมากมาย(แอบมีปิ๊งๆกับทหารหนุ่มของอาหรับและอังกฤษในสมรภูมิจำนวนหนึ่งด้วย) และเมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของพระองค์นั้น กษัตริย์ริชาร์ดถึงกับเอ่ยปากว่าอยากให้นำพระศพของพระองค์ไปฝังเอาไว้ที่เยรูซาเล็ม!
เขียนมาเสียยืดยาว(พยายามรวบรัดบ้างแล้ว) ก็แค่อยากจะถามว่า....อยากจะมอบเพลงอะไรให้กับราชินีเบอเร็งกาเรียจึงจะเหมาะกับสถานการณ์ที่พระสวามี(กษัตริย์ริชาร์ด)ที่มีพฤติกรรมตามเนื้อเรื่องข้างต้น
(Pete@Copyright)
(หมายเหตุ ก่อนหน้านั้นถามเรื่องความรู้สึกของราชินีเบอเร็งกาเรีย แต่ เกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาเรื่องเพศที่สาม จึงขอแคนเซิลคำถามนั้นไปครับ....ต้องขอบคุณท่านที่มาคอมเมนต์ไว้ก่อนเปลี่ยนคำถามด้วยครับ)