Login
-
 view (388 )     comment (6 )     last update : 8/4/2560 23:57:25
Pete
เสี้ยวรักเร้นลึกของกษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์

กษัตริย์ริชาร์ดแห่งอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 12 นั้นได้ชื่อว่าเป็น Fearless Warrior หรือนักรบผู้ปราศจากความกลัว กระทั่งต่อไม่ได้รับการขนาดนามว่า “ริชาร์ดใจสิงห์” (Richard The Lion Heart) เนื่องด้วยพระองค์ตะลุยรบในดินแดนครูเสดชนิดไม่กลัวตาย

 

นั่นเป็นแง่มุมการรบของพระองค์ แต่ แง่มุมความรักของกษัตริย์ริชาร์ดนั้นอยู่ในข่าย “หวือหวา” เกินจินตนาการ เพราะพระองค์ทรงรักได้ทั้งชายและหญิง

 

เป็นที่รู้กันว่า พระองค์ถูกเลี้ยงดูในแผ่นดินฝรั่งเศสอันเป็นดินแดนประสูติของพระเจ้าเฮนรี่พระบิดา ระหว่างที่เจริญเติบโตมานั้นองค์ริชาร์ดทรงมีความวาบหวามพระทัยกับกษัตริย์ ฟิลลิป ออกัสตัส แห่งฝรั่งเศสที่มีวัยไล่เลี่ยกัน(ริชาร์ดแก่กว่า) ถึงขนาดที่นอนเตียงเดียวกันหลายปีกระทั่งต้องแยกกันไปบัญชาการรบที่เยรูซาเล็มเมื่อเกิดสงครามครูเสดที่กษัตริย์ซาลาดินแห่งอียิปต์ไปยึดเอาไว้

 

ฟิลลิป ต้องเดินทางนำทัพไปแดนครูเสด  ส่วนริชาร์ดนั้นกลับไปอังกฤษเพื่อรับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ พร้อมกับอภิเษกสมรสกับสตรีนามว่า เบอเร็งกาเรีย แห่ง เนิฟร์ ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันสั้นๆจากนั้น กษัตริย์ริชาร์ดก็ต้องรีบออกเดินทางไปสนามรบครูเสดโดยที่ต้องทิ้งพระราชินีเบอเร็งกาเรียไป

 

เมื่อเดินทางไปสูสนามรบ ก็ได้พบกับฟิลลิป ออกัสตัส และได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างหวานชื่นในสนามรบ กระทั่ง ได้พบกับซาลาดิน-กษัตริย์อียิปต์ผู้เป็นศัตรูคนสำคัญ  ตามประวัติศาสตร์บอกว่าซาลาดินนั้นรบเก่งกาจมาก ยากที่สองนักรบจากยุโรปจะเอาชนะได้  และที่พิลึกมากๆก็คือ ซาลาดินกับริชาร์ดนั้นส่งสายตาหวานปิ๊งใส่กันระหว่างรบ เรื่องนี้ทำให้กษัตริย์ฟิลลิปล่วงรู้ความนัยท้ายที่สุดก็เปิดทางให้ทั้งริชาร์ดได้รับกับซาลาดินก็แล้วกัน

 

การรบของซาลาดินกับกษัตริย์อังกฤษนั้นเป็นแบบรบพิศวาสบาดจิตเอามากๆ เรียกว่ารบกันไปเห็นใจกันไป กระทั่งคราวหนึ่งริชาร์ดป่วยหนักเพราะอากาศร้อน(คนยุโรปไม่ชิน)ทำให้ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ข้างฝ่ายซาลาดินก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะศัตรูรูปหล่อไม่ออกมาให้เห็นหน้า ว่าแล้วก็จัดหมอหลวงของอียิปต์ไปดูแล  พอรู้ว่าป่วยแบบนั้นจึงสั่งให้ขุนทหารรีบขี่ม้าเร็วไปเอาหิมะเย็นๆไปโกยหิมะจากเทือกเขาสูงในเลบานอนแล้วนำใส่อุปกรณ์เอามาที่สมรภูมิเพื่อให้ริชาร์ดได้บรรเทาอาการร้อนโดยเข้าเครื่องยาแบบอาหรับ....จากนั้นริชาร์ดก็หายป่วย และกลับมารบกับศัตรูรูปหล่อได้ต่อไปอีก....

 

เมื่อได้เวลาที่ริชาร์ดกลับบ้าน แน่นอนว่า ย่อมคิดถึงซาลาดินมากมาย(แอบมีปิ๊งๆกับทหารหนุ่มของอาหรับและอังกฤษในสมรภูมิจำนวนหนึ่งด้วย) และเมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของพระองค์นั้น กษัตริย์ริชาร์ดถึงกับเอ่ยปากว่าอยากให้นำพระศพของพระองค์ไปฝังเอาไว้ที่เยรูซาเล็ม!

 

เขียนมาเสียยืดยาว(พยายามรวบรัดบ้างแล้ว) ก็แค่อยากจะถามว่า....อยากจะมอบเพลงอะไรให้กับราชินีเบอเร็งกาเรียจึงจะเหมาะกับสถานการณ์ที่พระสวามี(กษัตริย์ริชาร์ด)ที่มีพฤติกรรมตามเนื้อเรื่องข้างต้น

(Pete@Copyright)

(หมายเหตุ ก่อนหน้านั้นถามเรื่องความรู้สึกของราชินีเบอเร็งกาเรีย แต่ เกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาเรื่องเพศที่สาม จึงขอแคนเซิลคำถามนั้นไปครับ....ต้องขอบคุณท่านที่มาคอมเมนต์ไว้ก่อนเปลี่ยนคำถามด้วยครับ)

ความคิดเห็น
ผู้แสดงความคิดเห็น

To JiPa

ครับ เราคงได้แค่เดาๆเท่านั้น และทั้งๆที่เดากันแบบนั้นผมก็เห็นสอดคล้องจาก JiPa ในข้อ 4 นะครับ (ตามเม้นต์แรกครับ)

โลกยุคนั้นเป็นยุคของผู้ชายเป็นใหญ่...ผู้ชายมักจะทำอะไรตามอำเภอใจและสร้างกฎหมายต่างๆไว้รองรับการกระทำของตน

จะว่าไปแล้ว ผู้หญิงโบราณต้องทนสภาพแบบนี้มาตั้งแต่ยุคโบราณกว่านั้นด้วยซ้ำนับแต่ยุคกรีก โรมัน กระทั่งสมัยกลางหรือเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

ขอบคุณที่แชร์ไอเดียนะครับ....

วันนี้ JiPa นอนดึกเหมือนกันนะครับ
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 9/4/2560 0:42:42
ผู้แสดงความคิดเห็น

Hello my dear,
How are you, my name is Miss, Charity Garrick i saw your profile in this site i love it that is why i contacted you please i will like you to send me mail through my private email box, miss.charitygarrick12@hotmail.com i will send you more of my lovely pictures i love you.
miss.charitygarrick12@hotmail.com
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 5/5/2560 4:54:59