Login
-
 view (221 )     comment (0 )     last update : 13/5/2560 18:37:20
นางฟ้าไซเบอร์
บันทึกการเดินทาง บทที่ 2

สวัสดียามเย็นค่ะ วันนี้คงเป็นวันหยุดของใครหลาย ๆ คนรวมถึงตัวผู้เขียนด้วย ซึ่่งหยุดยาวมานานละ นึกอยากออกเดินทาง ก็จัดไปอย่าให้เสียค่ะ....

 

 

เวลาจะเริ่มเดินทางสิ่งแรกที่ต้องเตรียมคือ...?? หลายคนคงมีหลักการเตรียมตัวไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะเตรียมเรื่องเสื้อผ้า ข้าวของอุปกรณ์เครื่องใช้ แผนที่การเดินทาง หรือ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ๆ จะไป แต่สำหรับดิฉัน....ฮ้า!!! สิ่งแรกที่จับขึ้นมาคือ กล้องถ่ายรูป Oh my god!!! เช็ดแล้วเช็ดอีก Memory Card เคลียร์แล้วเคลียร์อีก ส่วนเพื่อนสาว มานั่งข้าง ๆ แล้วถามว่า "เฮ้ย...แล้วนี่รู้เส้นทางรึยังวะ"......555555555555 ตอบไปอย่างมั่นใจเลยว่า "ยังว่ะ ไม่เคยไปเหมือนกัน".....ลองนึกภาพดูสิ คุณเพื่อนซี้มันจะทำเยี่ยงไรกับคนตอบ....อิอิอิอิ 

 

ทริปนี้เราไปกันที่สุโขทัยค่ะ ออกกันช้าหน่อย เพราะแม่นางกว่าจะออกจากหลังคาบ้านก็สายมากแล้ว ทิศทางที่จะไป ถามใครก็บอกทางไม่ถูก สิ่งที่พึ่งพาได้ยามนี้คงหนีไม่พ้น "สิริ" หรือ "GPS" ที่ก็ไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปตกหลุมอากาศที่ไหน....มาลุยกันเลยค่ะ 

 

 

ที่หมายของเราคือ "วัดพิพัฒน์มงคล" ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย เห็นแต่ในภาพทางเว็บไซด์ สวยสดงดงาม ตามแบบฉบับศิลปะวัฒนธรรมล้านนา พื้นที่ในวัดกว้างขวางน่าดู...คิดในใจ อื้ม คงอยู่นอกเมืองมั้ง วัดใหญ่มาก พื้นที่เยอะขนาดนี้ ไปทางไหนล่ะ ว่าแล้วก็เอ่ยถามคุณสิริ พอปลุกนางขึ้นมาทำงานเท่านั้นแหละ ได้เรื่องเลยเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่านางมัวขี้ตาเพราะเพิ่งตื่นหรือไงไม่ทราบ...ตอนแรกเราก็วิ่งเส้น สุโขทัย-คิรีมาศ แต่พอมำถึงสี่แยก เส้นนั้นเรียกว่าอะไรไม่ทราบ สิริ นางก็เริ่มทำงานทันที นำพา  ชะนี แสนสวยวิ่งลัดเข้าเส้นทาง 1037 เอ๋!!????....เราก็นำพาแม่ชื่น (รถคู่ใจ) มุ่งหน้าตรงไปเรื่อย ๆ โชคดีมากที่เติมน้ำมันมาเต็๋มถัง....วิ่งไปสักระยะ...ถามสิริว่า "เมื่อไหร่จะถึงแยกตัดเข้าถนนใหญ่สักทีล่ะเนี่ย" ที่ถามไม่ใช่อะไรนะคะ เพราะ 2 ข้างทางที่เห็นคือ....ทุ่งนา และ ป่ากว้าง

"้อ้าวเฮ้ย....สิริ แกพาฉันมาอยู่ส่วนไหนของประเทศล่ะเนี่ย" สัตว์โลกสวยงาม วัว ควาย เดินสยายผมแทะเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย....อื้อหือ....วิ่งไปได้สัก 40 นาที เรามองเห็นพระพุทธรูปสีขาวอยู่ไกล ๆ พอวิ่งมาจอดใกล้ ๆ เห็นเป็นเนินแท่นที่ตั้งของพระพุทธรูปที่ว่า....แวะสักนิดดดดดดดนึง

 

"วัดป่าบนเนิน".....อ่า...!!! ใช่แล้วค่ะ นั่นคือชื่อวัด ดูเวลาและท้องฟ้าก็มืดครึ้มตามสภาพอากาศ มาถึงแล้วก็สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลซะเลย ขอพรหลวงพ่อทันใจด้วยเลย (ที่นี่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อทันใจอยู่ด้วยค่ะ) บรรยากาศด้านหน้าพระพุทธรูปองใหญ่ เป็นลานกว้างสามารถจอดรถด้านหน้าได้สบาย ๆ ส่วนรอบ ๆ เป็นพื้นที่ป่าสัก รวมถึงต้นไม้ใหญ่หลายชนิด และยังมีทางลาดเพื่อเข้าไปยังตัววัดที่อยู่ด้านในป่า เวลามีน้อยเลยไม่ได้เข้าไป เนื่องด้วยฟ้าฝนและหนทางที่เราจะไปข้างหน้ายังอีกยาวไกล เลยทำได้แค่ สักการะขอพระพุทธรูปที่อยู่เบื้องหน้า พูดคุยกับคุณแม่ชีที่กำลังนั่งเก็บถ้วยโถโอชามล้างทำความสะอาด แม่ชีบอกว่า "ถ้ามีเวลาลองแวะเข้าไปดูด้านในวัดสิลูก เงียบ สงบ และสวยงามไม่แพ้ข้างนอก แต่สวยแบบธรรมชาติสร้างมาโดยมิได้ปรุงแต่ง" ...โอ้ ประโยคนั้นทำให้เราอยากเข้าไปดูข้างในซะเดี๋ยวนั้น แต่ติดที่เวลาเรามีน้อย เลยต้องลาแม่ชีเพื่อไปยังที่หมายต่อไป

 

มุ่งหน้าสู่ "วัดพิพัฒน์มงคล"...พุทโธ พุทถัง กะละมังช่วย...ต้องร้องเพลงไปด้วยนะ เพราะนับจากออกมาจาก "วัดป่านบนเนิน" แล้ว เราก็มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากป่าสัก บ้านคนมีอยู่ห่าง ๆ กันมาก ๆ นอกนั้นเหรอ เพื่อนข้างทาง เขายาวเฟื้อย...555555 วัว และ ควาย ยิ่งขับไปใจก็ยิ่งวังเวง สักพัก มาถึงจุดตัดแยกที่จะเข้าทุ่งเสลี่ยม ตามแผนที่ ก็เห็นอยู่ว่าให้เลี้ยวขวา แต่สิริเธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ตรงไป....แม่ะ ถ้าสิรินั่งอยู่ข้าง ๆ นางคงโดนฟาดปากไปนานละ ตรงไปข้างหน้าก็ป่าผักบุ้ง และ ทุ่งนาสิคะ...แล้วต่อจากนั้นคงเดาออกนะคะว่าจะพูดอะไรกับสิริบ้าง....เราขับเลี้ยวขวาตรงมาเรื่อย ๆ ประมาณ 70 กิโลเมตร ป๊าดดดดดดดด!!! ต้องร้องโอ้ ที่นี่ที่ไหนนนนน...เลี้ยวเข้าหมู่บ้านเจอวั่ดวัดหลวงพ่อศิลา แวะสิคะ สักการะหลวงพ่อศิลา...น่านนนน ระว่างเดินในวัดหลวงพ่อศิลา แม่นางสิริก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เดินถ่ายรูปไป นางก็ยังบอกให้เลี้ยวซ้าย...เลี้ยวขวา จนต้องบอกนางว่า "ไม่ไปแล้ว หุบปากค่ะสิริ"...จนเพื่อนร่วมทางขำกร๊ากกกกก!!!...พอกราบหลวงพ่อศิลาเสร็จ นั่งพักแป๊บ เพื่อตกลงกับสิริและคนขับที่ทำท่าจะกินหัวช่างภาพอยู่รอมร่อ...อ่ะจึ๋ย!! จากนั้นเราก็มุ่งหน้าออกทางประตูวัดหลวงพ้่อศิลา ตามทางที่สิริบอก...จริง ๆ เราเห็นทางเข้าวัดรำไร รำไร อยู่แค่เอื้อม...ซอย ท่าชุม 3-4-5 ไอ๋หยาาาา....สิริก็ยังพาเราวนนนนนจน หึยยยยย!! คราวนี้ช่างภาพต้องตัดใจปิดเครื่อง ปิดระบบ แล้วชี้ทางลัดเลาะ วิ่งทะลุทางขรุขระเข้าไปยัง "วัดพิพัฒน์มงคล".....

 

และเมื่อมาถึง....เราก็ต้องตกลึงกับความยิ่งใหญ่ ความงามของศิลปะวัฒนธรรมล้านนา ทางสิ่งปลูกสร้าง และ พระพุทธรูปต่าง ๆ ซึ่งกว่าเราจะมาถึง ทางวัดก็เริ่มปิดประตูหน้าต่างแล้ว....แง ๆ ๆ อยากจะร้องไห้ตรงนั้น แต่พี่ๆ ก็ใจดีให้เราเข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปทองคำด้านในวิหารไม้สัก วู้ววววว....อลังการงานสร้าง วิจิตรตระกานตายิ่งนัก มองหน้าเพื่อนแล้วถามว่า "นี่วัดกลางเมืองจริงเหรอ" ใหญ่มากกกกกกกกกกกกก....อ้าปากกว้าง ๆ ไปเลยค่ะ พื้นที่นี่ไม่สามารถประมาณการได้ แต่เชื่อเลยถ้าใช้เวลาจริง ๆ คงไม่ต่ำกว่า 3 ชม. ถึงจะได้เดินชมได้ทั่ว 

 

ระหว่างทางที่มาคุณเพื่อนสาวแสนสวย(สวยในโลกส่วนตัวอ่ะนะ)....นางก็จะลงไปถ่ายรูปกับน้องวัว อยากจะบอกว่า ถ้าขยับเข้าไปใกล้มันอีกนิด มันจะคิดว่านางคือหญ้าแล้วนะคะ คือ ตั้งหน้าตั้งตาจะแทะเล็มให้ได้เลยเชียว 

 

ขากลับเราต้องบอกลาสิริอย่างถาวร แล้วพึ่งพาปากของตัวเองนี่แหละค่ะ สอบถามเส้นทางจากผู้รู้ในพื้นที่เพื่อหาทางกลับบ้าน โดยเราใช้เส้นทาง ทุ่งเสลี่ยม-สวรรคโลก มุ่งหน้าเข้าสู้เส้นทางหลัก แล้วเลี้ยวเข้าเส้นสุโขทัยทันที ไม่งันคงไม่ได้ออกจากเมืองล้านนาเป็นแน่....แต่ก็คุ้มค่ากับการเดินทางนะคะ จริงอย่างที่เขาว่า "ถ้าไม่หลงแล้วเราจะรู้เส้นทางจริงได้ยังไง" ....เรื่องราวระหว่างทางเส้นนี้มีมากนัก แต่ที่อยากให้หลงรักคือเสน่ห์ของการเดินทางค่ะ จุดหมายปลายทางนั้นสำคัญก็จริง แต่เรื่องราวระหว่างทางที่เราไปนั้นก็สำคัญเช่นกัน เราอาจจะได้ทั้งเสียงหัวเราะ ภาพสวย ๆ และความรู้สึกดี ๆ จากเพื่อนข้างทางก็ได้นะคะ เก็บเกี่ยวมันไปแล้วแบ่งปัน เล่าสู่กันฟังเพื่อความสนุกสนาน ^^

 

เอาล่ะ ค่ำแล้วได้เวลาอาหารเย็นอีกแล้ว ช่วงนี้อากาศเริ่มเข้าหน้าฝนกันแล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เดินทางไปไหนมาไหน หมั่นเช็คลมยาง ตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถ และ คนขับ พร้อมศึกษาเส้นทางให้ดี จะได้ไม่มีเรื่องวิวาทกับ "สิริ"....อิอิ 

 

วันนี้ต้องไปก่อนแล้วหิวมากกกกกก....คั่วหน่อไม้พริกสด แกงส้มชะอมทอด ไข่เจียว น้ำพริกกะปิ รออยู่ ไว้เจอกันใหม่นะคะ อ่านไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก เยอะนักก็ก๊อปแล้ววางในเครื่อง อ่านเป็นเรื่อง ๆ ไป ....บ๊ายบายจ้า จุ๊บ ๆ 

 

 

ความคิดเห็น
--- No Comment ---