เรื่องน่าเวียนหัวที่ทำให้ชายหญิงจูนกันไม่ติดนั้นมีหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ สัมพันธภาพ และความที่มีมุมมองที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวก็เลยทำให้ ความสัมพันธ์ไม่เกิดหรือเกิดแล้วไม่ราบรื่น
มุมมองของผู้หญิงนั้น ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างเป็นแบบ “เครื่องกรองหลายชั้น” ในขณะที่มุมมองของผู้ชายนั้นจะเป็นแบบ “รวดเร็วเบ็ดเสร็จ” มากกว่า ... และที่พูดแบบนี้ก็แค่เป็น “ค่าเฉลี่ย” เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วอาจมีข้อยกเว้นหรือออปชั่นต่างๆที่พิสดารกว่านี้ก็ได้
หากเป็นเรื่องของ สัมพันธภาพที่ต้องการให้ก่อเป็นความรักหรือความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาวแล้ว เรื่องแบบนี้แตกต่างจากความสัมพันธ์ในเรื่องหน้าที่ การงาน หรือการค้า ...เราลองมาดูกันว่าหากเป็นเรื่องของสัมพันธภาพที่เกี่ยวกับความรักนั้นหญิงชายจะมองต่างกันอย่างไร
ผู้หญิงจะมองไปที่ “การพูดคุยกันรู้เรื่อง” ก่อนเป็นอันดับแรกๆ ถ้าคุยกันไม่สื่อ ก็แน่นอนว่าความสัมพันธ์ขั้นต่อมาย่อมไม่เกิดขึ้น และเมื่อไม่สื่อแล้วก็ไม่อาจก้าวไปสู่การชอบ ตลอดจนความหลงใหลในอนาคต เรียกว่าจบกันแค่ตอนที่ไม่สื่อตอนนั้นเลย
ส่วนผู้ชาย...แน่นอนว่าธรรมชาติ(อันโหดร้ายแต่ก็ไม่ลำเอียง) มักจะมอบสิ่งที่เป็นพื้นฐานง่ายๆที่สุดในการเปิดประตูแห่งความสัมพันธ์ทางด้านความรัก และสิ่งนั้นก็คือ “การมองด้วยสายตา” เป็นอันดับต้นๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้ชายส่วนใหญ่(เน้นส่วนใหญ่)จะมองที่รูปร่าง หน้าตา ของฝ่ายหญิงเป็นหลัก
(หมายเหตุ 1 มีข้อยกเว้นอยู่บ้างที่ มีสาวๆบางส่วนที่หลงใหลผู้ชายที่หน้าตา รูปร่าง ฐานะ เป็นอันดับแรกๆ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องใช้สมองในการกรองสิ่งต่างๆเหล่านั้นอีกครั้งว่าเข้ากันได้หรือไม่ เช่น หล่อ รูปร่างดี ฐานะรวย แต่ นิสัยกากมากๆ หรือโง่จัดขนาดทำให้ธุรกิจเจ๊งได้)
(หมายเหตุ 2 มีข้อยกเว้นสำหรับชายบางคนเช่นกันที่ อาจจะมองข้ามเรื่องหน้าตา รูปร่างของผู้หญิงตั้งแต่แรก (แต่ก็เป็นส่วนน้อยเช่นกัน) แล้วมองไปที่คุณสมบัติอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาต้องเรียนจากประสบการณ์ความผิดพลาดในอดีตเพื่อเอามาสอนตัวเองทั้งสิ้น)
ในเมื่อธรรมชาติสร้างให้เป็นแบบนั้นแล้ว ธรรมชาติเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายทำให้คนที่เข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนกลายเป็นผู้ที่สานต่อสัมพันธภาพต่อไปได้อย่างเข้าอกเข้าใจมากขึ้น
ก็ในเมื่อผู้หญิงมองผู้ชายด้วยสมอง ก่อนที่จะเกิดความชอบ(สร้างสารเอนโดฟินในสมอง) กระทั่งก้าวไปสู่การสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น...ทำไมผู้ชายถึงไม่โฟกัสตรงจุดนั้น
สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกดีและอยากอยู่ใกล้ผู้ชายมากขึ้นก็คือ ความเป็นตัวของตัวเองของผู้ชายคนนั้น – ความเป็นคนมีอารมณ์ขัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุข – ความมั่นใจ – ความกล้า – ความฉลาด – การสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และความอบอุ่น เป็นต้น และผู้หญิงย่อมจะสร้างบททดสอบในเรื่องดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะนั่นคือมาตรการทางธรรมชาติของผู้หญิงที่ต้องการ “ความมั่นใจ” ก่อนที่จะ “ตกลงปลงใจ” กับชายที่เข้ามาสานสัมพันธ์ด้วย
ผู้หญิงส่วนใหญ่ ต้องการเห็น “ความกล้า” ของผู้ชาย ที่กล้าในการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองชัดๆ แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้ชายส่วนใหญ่ คืบหน้าเข้าหาผู้หญิงในรูปแบบของ ความกลัวที่จะทำให้สาวๆหลุดมือไปจึงพยายามทำตัวให้สุภาพ นอบน้อม และขาดความเป็นตัวของตัวเอง(ไม่ใช่การเป็นคนสุภาพนั้นไม่ดี แต่บางคนไม่ได้เกิดมาเป็นแบบนั้นหากแต่ฝืนตัวเองเกินไป ทำให้เหมือนเป็นการหลอกตัวเองเกินไปในการคบหา) เช่นยอมฝืนตัวเองเพื่อให้ผู้หญิงเห็นใจหรือรัก
จุดนี้จะเห็นว่าถ้าเป็นพวก Bad Boy แล้วคนพวกนี้จะ “กล้า”ในการแสดงความเป็นตัวตนออกมาชัดเจน ทำให้ผู้หญิงให้ความสนใจ แบด บอย ไม่ใช่น้อย เอาเข้าจริงแล้ว แบด บอย นั้นอาจไม่เหมาะสำหรับสัมพันธภาพระยะยาว แต่แบด บอย คือผู้ชายที่แสดงความเป็น “ตัวตน” หรือ “ความมั่นใจ” ออกมาได้ชัดเจนมากกว่า ในขณะที่ผู้ชายที่ไม่เป็นตัวของตัวเองทำไม่ได้..... หากเมื่อใดก็ตามที่ชายที่ไม่ไช่แบดบอยนำเอาความกล้าและความมั่นใจที่ถูกที่ถูกทางออกมาใช้ ก็แน่นอนว่าผู้หญิงย่อมให้ความสนใจทันที ... แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าถึงจุดนั้นได้ไว รวดเร็ว และรู้ทันตัวเอง(หมายถึงผู้ชาย)
ถ้าโลกนี้มี ผู้ชายมาตรฐาน ที้ใช้หลักการแบดบอย บางจุดอย่างถูกที่ถูกเวลาถูกโอกาส ผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนที่สาวๆอยากคบหาเป็นอันดับต้นๆ...
มาถึงตรงนี้ ผู้ชายคงไม่ต้องทำตัวให้หล่อขนาดพี่โดม หรือรายขนาดบิล เกตส์ ตลอดจนฉลาดระดับรับรางวัลโนเบล หรือเป็นซุปเปอร์ฮีโร่แบบกัปตันอเมริกา...ขอให้มีแค่ ความกล้า ความจริงใจ ความมั่นใจ ความเป็นตัวของตัวเอง ความมีอารมณ์ขัน ความอุตสาหะในการสร้างเนื้อสร้างตัว ตลอดจนแสวงหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ คนที่รวมๆสิ่งเหล่านั้นไว้ในตัวได้ในปริมาณที่เหมาะสมและแสดงออกในเวลาที่เหมาะสมย่อมจะทำให้ผู้หญิง “เปิดใจ” ยอมรับมากขึ้น
จากนั้นหากจะสานสัมพันธ์ขั้นต่อๆไปก็พอจะมีทางขึ้นมาบ้างแล้ว ...
มองประเด็นแบบนี้ อาจเห็นว่า แบดบอย อาจจะเข้าท่าบ้างในเรื่องความกล้า...แต่แบดบอย ที่แยกแยะไม่ออกระหว่างความกล้าและความถูกต้องก็จบเห่เช่นเดียวกัน ... แต่ถ้าเป็นแบดบอยตอนหนุ่มๆแล้วตอนกลางคนเป็นคนที่เข้าใจโลกมากขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ ก็แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่มีความกล้าที่ผสมผสานกับความคิดความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้น(หากปรับตัวพัฒนาขึ้นได้)
แต่ถ้าเป็นชายที่ ไม่กล้า ไม่มั่นใจมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้อายุมากขึ้นถ้าไม่พัฒนาก็ยังคงเป็นแบบเดิม เข้าตำรา คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นแบบเดิม
เมื่อมาถึงตรงนี้คงเห็นแล้วว่า ธรรมชาติสร้างผู้หญิง-ผู้ชายมาเหมาะสมแล้ว...โดยให้ผู้หญิงรู้จักรักผู้ชายด้วยการใช้สมองของผู้หญิงไตร่ตรอง อีกทั้งยังทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก ในขณะที่ สร้างผู้ชายให้ใช้สายตามองรูปลักษณ์เอาไว้ก่อนเพื่อสืบสานสายพันธุ์...แต่ก็มีผู้ชายอีกจำนวนหนึ่งที่คิดแตกต่างและเข้าใจธรรมชาติของผู้หญิง จึงเข้าหาผู้หญิงด้วย ความกล้า ความเป็นตัวของตัวเอง และความก้าวหน้า(สร้างตัว สร้างอนาคต) และผู้ชายกลุ่มนี้เองที่แม้จะไม่หล่อ ไม่ดาร์ก ทอลล์ แอนด์ แฮนซัม แต่ก็สามารถกำหัวใจสาวๆได้อย่างน่าทึ่ง
(Pete@Copyright)