เจ๋ง: เฮ้ย..หนึ่ง มาดูอะไรนี่....(เปิดรูปในมือถือให้ดู) มึงว่าสวยมั้ยวะ
หนึ่ง: เออ สวยนี่หว่า ตาถึงนะมึง ว่าแต่ไปเจอที่ไหนวะ
เจ๋ง: แถวสยามเว้ย กูไปแอบส่องมา 2วันแระ แอบถ่ายรูปมาตั้งใจจะให้มึงดูนี่แหระ
หนึ่ง: เฮ้ย! ถึงขนาดแอบถ่ายเลยหรอวะ มึงชอบก็สอยเลย
เจ๋ง: ไอ้ชอบกูก็ชอบอยู่หรอกนะ แต่ราคาค่าตัวแม่ง....สูงไปหน่อย
หนึ่ง: เฮ้ยถ้าชอบซะอย่าง ก็ต้องลงทุนสิวะ ว่าแต่มึงจะซื้อมาทำไรวะ
เจ๋ง: อ้าว! มึงนี่ถามแปลก ๆ รองเท้าก็ต้องซื้อมาใส่สิฟ่ะ มึงก็รู้ว่ากูกำลังหารองเท้าที่ถูกใจอยู่ อีกอย่างรองเท้าที่กูซื้อมาครั้งที่แล้ว ที่ใส่แล้วกัดตีนกู น้องชายกูเห็นก็ขอกูไปแระ สงสัยจะถูกใจน้องกูมาก ใส่ได้ทุกวัน เจอกูทีไรขอบอกขอบใจกูใหญ่ ส่วนคู่นี้ถ้ากูซื้อมานะ กูกะว่ากูจะใส่ไปทำงานทุกวัน ยิ่งถ้าเพื่อนที่ทำงานกูเห็นนะ แม่งเอ้ย..ต้องอิจฉากูแน่ ๆ....
หนึ่ง: ไอ้เจ๋ง..กูว่าไม่ใช่แระ
เจ๋ง: ไม่ใช่ยังไงวะ
หนึ่ง: การที่มึงจะเลือกร้องเท้าซักคู่ มึงก็ต้องคิดดูสิวะ ว่ารองเท้าแบบไหนเหมาะกับมึง
เจ๋ง: อ้าว! แล้วรองเท้าคู่นี้ไม่เหมาะกับกูยังไงวะ
หนึ่ง: มึงลองคิดดูนะ..ไลฟ์สไตล์การทำงานของมึงว่าเป็นแบบไหน ทุก ๆ วัน มึงต้องออกไปดูไซต์งาน เดินลุยเหยียบบนพื้นที่ไม่ได้ราบเรียบเหมือนอยู่ในห้างในโรงแรมนะโว้ย ขืนมึงซื้อรองเท้าคู่นี้มาใส่ไปทำงาน รองเท้าที่มึงคิดว่าจะเป็นรองเท้าที่ถูกใจมึง ก็คงจะทนอยู่กับมึงได้ไม่นานหรอก ซักวันรองเท้าคู่นี้ก็ต้องจากมึงไป
เจ๋ง: งั้นคู่นี้กูก็ต้องชวดอีกแล้วสิ
หนึ่ง: ไอ้เจ๋ง....มึงก็ต้องอดทนค่อย ๆ หาสิวะ ใจเย็น ๆ
เจ๋ง: งั้นกูก็ไม่มีโอกาสได้มีคู่สวย ๆ กับเค้าสิวะ
หนึ่ง: ไอ้เจ๋ง...รองเท้าคู่ที่มึงใส่ไปทำงานทุกวันนี้ แม้ทางบริษัทมึงจะจัดหามาให้แบบมึงไม่มีสิทธิ์เลือก แต่คู่ต่อไปมึงก็สามารถเลือกเองได้ และกูเชื่อว่าจะต้องถูกใจมึงแน่นอน ถึงแม้รองเท้าใส่ลุยไซต์งานมันจะหนัก มีเหล็กหุ้มทีปลาย แต่ก็ปกป้องคุ้มครองตีนมึงอย่างดีนะเว้ย ถ้ามึงไม่ได้ใส่รองเท้าแบบนี้ แล้วเดินไปดูไซต์งาน ป่านนี้มึงคงเหยียบหินเหยียบตะปูเป็นบาทยัก โดนตัดขาทิ้งไปแล้ว
เจ๋ง: เออ ...กูเข้าใจแล้ว ว่าแต่...มึงมีรองเท้าคู่ที่ถูกใจมึงหรือยังว่ะ
หนึ่ง: มึงเห็นกูมีรองเท้ากี่คู่หล่ะ
เจ๋ง: เออ..กูเห็นมึงใส่แต่คู่นี้ตลอดเลยหว่ะ ไปที่ไหนกูก็เห็นมึงใส่แต่คู่นี้ แล้วยังดูใหม่อยู่เลย แสดงว่ารองเท้านี้เป็นคู่ที่ถูกใจมึง มึงถึงใส่อยู่ได้ทุกวัน แม่งดูแลอย่างดีเลยนี่หว่า ดูใหม่ตลอด ว่าแต่มึงได้มายังไงวะ
หนึ่ง: มึงอยากรู้จริง ๆหรอ
เจ๋ง: อ้าว! กูถามกูก็ต้องอยากรู้สิ
หนึ่ง: มึงเชื่อใน destiny หรือเปล่าหล่ะ
เจ๋ง: destiny เลยหรอวะ รองเท้าเนี่ยนะ
หนึ่ง: เออ รองเท้าคู่นี้นี่แหระ
เจ๋ง: ยังไงวะ กูรอฟังอยู่
หนึ่ง: ตอนกูจบออกมาทำงานใหม่ๆ แม่กูก็ชวนกูไปเลือกหาดูรองเท้า ทีแรกกูก็ไม่อยากไป กูอยากเลือกเอง อีกอย่างกูก็กลัวว่าแม่กูจะเลือกให้กูแบบมีโบ
เจ๋ง: โบอะไรวะ...งง
หนึ่ง: โบราณหนะ สุดท้ายกูก็ทนแม่เซ้าซี้ไม่ไหว ก็เลยต้องตามแม่กูไป ไปมาหลายที่ ใช้เวลาหลายวัน ก็ยังไม่ถูกใจแม่กูสักคู่ มีอยู่วันนึงหลังเลิกงาน แม่กูโทรมาให้ไปหาที่ร้านรองเท้าที่นึงแถวสยาม แม่กูบอกว่าถ้ากูเห็นกูต้องชอบแน่ ๆ บอกกับกูว่ารองเท้าคู่นี้ต้องเหมาะกับกูที่สุด กูก็ฟังแม่กูไปยังงั้นแหนะ พอไปถึงที่ร้าน แม่กูรีบมาลากจูงมือให้ไปดูรองเท้าเลย พอกูเห็นครั้งแรก กูตลึงเลย คู่นี้ใช่เลย สเปคกูเลย ไม่คิดว่าแม่กูจะรู้ใจกูได้ถึงขนาดนี้ แล้วกูก็ตัดสินใจซื้อคู่นี้ตามที่แม่เลือกให้นี่แหละ รองเท้าคู่นี้เป็นคู่ที่ถูกใจกูมากที่สุด กูก็ดูแลอย่างดี อยู่กับกูตลอดมาหลายปีแล้ว
เจ๋ง: โห! เรื่อง destiny ของมึงนี่โครตกระติกเลยหว่ะ กูอยากมีโมเม้นท์แบบนี้มั่งหว่ะ 555555
หนึ่ง: 555555 กูเอาใจช่วย