วันอาทิตย์มาถึง
หนึ่ง: หวัดดี ไอ้เจ๋ง เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าไม่สบาย แล้ววันนี้ที่นัดกันไว้จะไปไหวมั้ยวะ
เจ๋ง: เออ หวัดดีไอ้หนึ่ง วันนี้สงสัยไปไม่ไหวหว่ะ ไม่สบายมา 2-3 วันแล้ว หาหมอกินยาแล้ว แต่แรงยังไม่มาเลย วันนี้ไม่อยากไปไหน พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานอีก
หนึ่ง: โห แค่ให้การบ้านแค่นี้ ถึงกับไม่สบายเลยหรอวะ
เจ๋ง: มันหลายเรื่องหว่ะ ตั้งแต่วันก่อนแล้ว กูขับรถไปชนรถตู้ โซเฟอร์รถตู้ก็จะเอาเรื่องให้กูชดใช้ แต่กูไม่ยอม
หนึ่ง: ยังไงวะ เล่าให้ละเอียดหน่อย มันยังไง
เจ๋ง: คืองี้ วันก่อน กูกำลังจะขับรถไปทำงานตอนเช้า กูวิ่งคู่ขนานผ่านหน้าโรงกษาปณ์ ตรงนั้นมันมีเลนซ์ขวาสุดสำหรับคนขับขึ้นโทลเวย์ แต่กูอยู่เลนซ์ที่ 2 กูไม่ต้องการขึ้น ตอนนั้นรถมันเยอะ ฝนก็ตก รถขับต่อกันไปเรื่อย ๆ ตำรวจจราจรก็มาโบกรถอยู่ตรงนั้น ส่วนรถตู้มันวิ่งเลนซ์ขวาสุดที่จะขึ้นโทลเวย์ จู่ ๆ มันก็มาแทรกหน้ารถกู รถตู้มันไม่ยอมต่อแถว พวกรถตู้ชอบมาแทรกแบบนี้ประจำ กูก็เบรคไม่ทัน ก็เลยชนด้านข้างรถตู้เลย
หนึ่ง: แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าวะ
เจ๋ง: มีกูนี่แหระที่เป็น พอชนกัน โซเฟอร์รถตู้รีบลงมาจะมาหาเรื่องกูเลย กูก็ไม่ยอม รถทุกคันเค้าต่อแถวกันมา ไอ้รถตู้มันเห็นแก่ตัวมาแทรกแล้วยังมีหน้ามาหาเรื่องกูอีก ดีที่ตำรวจจราจรอยู่ตรงนั้น ตอนลงไปดูรถว่าพังแค่ไหนก็เลยโดนฝน ก็เลยเรียกประกันมาเคลียร์ ส่วนตำรวจจราจรก็โบกรถให้เบี่ยงไปทางอื่น กว่าประกันจะมา และเคลียร์เสร็จ กูก็ไปทำงานสายเลย หัวหน้ากูหัวเสียใส่กูใหญ่เลย งานที่ไซต์ก็เลยล่าช้าไปหมดเลย ส่งมอบงานไม่ทันอีก กูงี้โครตเครียดเลย ยิ่งคิดยิ่งเครียด
หนึ่ง: ดีนะ เรื่องการบ้านที่กูให้มึงไม่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องที่มึงไม่สบาย
เจ๋ง: เกี่ยวซิวะ การบ้านมึงทำให้กูนอนไม่ค่อยหลับเลย เพิ่มความเครียดให้กู ถึงไม่สบายอยู่นี่ไง
หนึ่ง: เออ! เอาเป็นว่ากูขอโทษแล้วกัน ไม่คิดว่าจะทำให้มึงถึงกับนอนไม่หลับ
เจ๋ง: กูสงสัยหวะ ว่าทำไมมึงต้องให้กูคิดข้อดี ข้อเสียของตัวกูอ่ะ
หนึ่ง: ที่กูให้มึงคิดถึงข้อดี ข้อเสียของมึงเนี่ย เผื่อมึงจะจีบใคร มึงจะได้บอกคนที่มึงจะจีบก่อนไงว่ามึงดียังไง ไม่ดียังไง
เจ๋ง: อะไรของมึงไอ้หนึ่ง คนจะจีบกันเป็นแฟน มีใครที่ไหนวะที่เค้าจะบอกส่วนไม่ดีให้กับคนที่จีบฟัง เดี๋ยวก็จีบไม่ติดกันพอดี
หนึ่ง: ไอ้เจ๋ง คนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบที่มึงคิดนี่แหนะ ไม่ยอมบอกข้อดี ข้อเสียของตัวเองก่อนที่จะตกลงเป็นแฟนกัน เพราะกลัวดูไม่ดี กลัวเสียฟอร์ม กลัวเสียหน้า กลัวเสียใจ และพอคบกันเป็นแฟนกันถึงค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนออกมา เริ่มเห็นสิ่งไม่ดีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็ทนกันไม่ได้ รับกันไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเลิกกันไปอย่างเจ็บปวด จากที่เคยรักกันชอบกัน ก็กลายมาเป็นโกรธกัน เกลียดกัน บางคู่ถึงกับเป็นศัตรูกันไปเลย ต่างฝ่ายก็มีแผลในใจกัน พอจะอยากมีแฟนใหม่ ก็ค่อยมาตั้งเงื่อนไขว่าคนใหม่ต้องไม่เป็นแบบโน้น ต้องไม่เป็นแบบนี้ แต่มันก็สายไปตั้งแต่คนแรกแล้วหละ
เจ๋ง: แล้วถ้าบอกข้อดีข้อเสียไปเลย แล้วเมื่อไรจะได้มีแฟนวะ
หนึ่ง: มึงลองคิดอีกมุมนะ สมมติว่าต่างฝ่าย ต่างบอกข้อดี ข้อเสียให้กันฟังก่อน แล้วถ้ายอมรับกันได้ก็คบกันเป็นแฟนกันไป จะวาดอนาคตกันยังไงก็น่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่ถ้ามีใครพอฟังข้อดีข้อเสียแล้วรับกันไม่ได้ ก็ไม่ต้องคบกันเป็นแฟน จะคบกันเป็นเพื่อน หรือคบกันแค่คนรู้จักก็แล้วแต่ เพราะถ้าฝืนคบกัน สุดท้ายก็ต้องเจ็บ ต้องฝืนทน แล้วก็ต้องลงเอยด้วยการเลิกกัน เสียทั้งความรู้สึก เสียทั้งเวลา
เจ๋ง: มันก็จริงอย่างที่มึงว่า แต่จะมีใครที่กล้าทำแบบนี้วะ
หนึ่ง: การบอกข้อดี ข้อเสียของตัวเองให้คนที่เราจะคบกันเป็นแฟนฟังก่อน กูว่าเป็นการแสดงความตั้งใจและจริงใจต่อกันนะ มึงลองคิดดูนะ คนเราต่างพ่อต่างแม่กัน ต่างครอบครัวกัน พื้นฐานหลาย ๆ ด้านไม่เหมือนกัน จู่ ๆ จะมาคบกันและจะอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น มันยากมากนะ ตัวอย่างก็มีให้เห็นตามข่าวเยอะแยะ อย่างพวกข่าวดาราอย่างเนี้ย บางคู่คบกัน สวีทกัน รักกันมาก ไปไหนมาไหน เป็นข่าวสวีทกันตลอดจนถึงขั้นจะแต่งงานกัน พอจะแต่งงาน ก็จัดงานใหญ่โตหรูหราอลังการ เชิญผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เชิญเพื่อนฝูงที่รู้จักรักใคร่ ให้มาเป็นสักขีพยาน พอแต่งงานกันได้ซักพัก ต่างฝ่ายก็เผยนิสัยตัวตนออกมา แรก ๆ ก็ทำเป็นทนได้ แต่ต่อ ๆ ไปเริ่มอึดอัด เริ่มรับกันไม่ได้ เริ่มหาเหตุผลต่าง ๆ นานา สุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยการเลิกกัน เสียความรู้สึกทั้งคู่ มีบาดแผลในใจทั้งคู่ ที่แน่ ๆ ต้องแอบเลิกกันแบบเงียบ ๆ ต้องแยกทางกันอย่างเงียบ ๆ ต้องหลบนักข่าว ต้องหนีไปต่างประเทศ รอให้เรื่องเงียบหรือรอให้ข่าวอื่นมากลบข่าวตัวเอง หรือจนกว่าจะหาคำตอบที่ฟังแล้วดูดีให้นักข่าวได้ถึงค่อยกลับมา
เจ๋ง: โห! มึงเล่ามาซะกูกลัวที่จะมีแฟนเลย
หนึ่ง: กูก็แค่เห็นตัวอย่างมาหลายคู่ หลาย ๆ คู่ ไม่ได้จัดงานใหญ่โต เพราะไม่มีเงินทอง อยู่กันอย่างพอมีพอกิน ช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันสร้างครอบครัว เข้าใจซึ่งกันและกัน ประคองความรักกันยาวนานจนแก่เฒ่า และอีกหลาย ๆ คู่แม้มีเงินทองมากมาย แต่ก็ไม่สามารถประคองรักกันได้ยาวนาน ต้องเลิกกันไป ไอ้เจ๋ง การยอมรับกันมันต้องมาก่อน เมื่อยอมรับกันได้แล้วถึงค่อยคบกันแต่งงานกัน หลาย ๆ คู่ที่ต้องเลิกกัน เพราะตัดสินใจคบกันก่อนหวังว่าจะมายอมรับกันทีหลัง มันผิดวิธีนะเว้ย
เจ๋ง: มันก็ใช่ แต่ไม่มีใครที่จะบอกข้อไม่ดีของตัวเองให้คนที่เราอยากจะคบเป็นแฟนฟังก่อนหรอก
หนึ่ง: ไอ้เจ๋ง กูจะอธิบายเพิ่มให้มึงฟัง ข้อดีข้อเสียของแต่ละคนเนี่ย บางคนฟังแล้วก็ยอมรับได้ บางคนฟังแล้วรับไม่ได้ก็มี บางข้อบางคนเห็นเป็นข้อดีก็มี บางคนเห็นเป็นข้อเสียก็มี
เจ๋ง: ยังไงวะ ฟังแล้วงง มึงอธิบายมาหน่อยซิ
หนึ่ง: แล้วยังไม่อีกนะ ข้อดีข้อเสียบางข้อเราเปลี่ยนแปลงได้ บางข้อเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เจ๋ง: เอ้า! ยิ่งมึงพูด กูยิ่งงงหว่ะ
หนึ่ง: กูยกตัวอย่างแล้วกัน อย่างบางคนชอบตำรวจ อยากมีแฟนเป็นตำรวจ แต่บางคนไม่ชอบตำรวจ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ขอมีแฟนเป็นตำรวจ คนที่เป็นตำรวจก็มีทั้งคนที่ชอบ และมีทั้งคนไม่ชอบ คนที่เป็นตำรวจจะให้ไปเป็นทหาร หรือเป็นหมอก็ไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ บางคนเห็นว่าตำรวจเป็นข้อดี บางคนเห็นว่าการเป็นตำรวจเป็นข้อเสีย ไม่ขอมีแฟนเป็นตำรวจ แบบเนี้ย
เจ๋ง: แล้วข้อดีข้อเสียที่เปลี่ยนแปลงได้ มีอะไรบ้างวะ
หนึ่ง: อย่างเช่น สมมติมึงเป็นคนสูบบุหรี่ ผู้หญิงบางคนรับได้ที่แฟนสูบบุหรี บางคนรับไม่ได้ แต่คนที่สูบบุหรี่ก็สามารถเลิกสูบได้นี่ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติให้เป็นคนไม่สูบบุหรี่ได้ กูอธิบายมาถึงตรงนี้แล้ว มึงเข้าใจหรือยังว่าทำไมกูถึงให้มึงคิดถึงข้อดี ข้อเสียของตัวมึง
เจ๋ง: ก็พอจะเข้าใจนะ
หนึ่ง: แล้วสรุป ข้อดี ข้อเสียของมึง มึงคิดได้มากแค่ไหนวะ
เจ๋ง: เอ่อ! ก็คิดได้ไม่เท่าไหร่หรอก ก็กูไม่สบายอยู่ หัวมันตื้อ แถมมีเรื่องให้เครียดหลายเรื่อง รถก็เข้าอู่ซ่อม เลยคิดอะไรไม่ค่อยออก แต่กูฟังมึงแล้ว กูก็เห็นด้วยกับมึงเหมือนกันนะที่จะบอกข้อดี ข้อเสียให้กับคนที่จะจีบเป็นแฟนฟังก่อน ถ้าเค้ารับกูได้ กูก็อยากให้เค้าบอกกูเหมือนกันว่าเค้าเป็นคนยังไง แบบไหน ถ้าโอเคก็จะได้คบกันยาวนาน ไม่เสียเวลา
หนึ่ง: คุยกันนานเลยวันนี้ กูว่ากูกลับดีกว่า มึงต้องพักผ่อนให้มาก ๆ นะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงาน อ้อ! กูมีอะไรอย่างนึงจะให้มึงเป็นการขอโทษที่ให้การบ้านมึงจนทำให้มึงเครียดจนนอนไม่หลับ
เจ๋ง: อะไรวะ
หนึ่ง: เอ้า! นี่ line id น้องคนที่มึงเจอที่ร้านรองเท้ามือสองไง
เจ๋ง: เฮ้ย! เฮ้ย! ยังไง มึงได้มายังไงวะ มึงรู้จักน้องคนนั้นหรอ มึงบอกกูมาเลยโว้ย
หนึ่ง: โห! หายป่วยเลยหรอวะ มีแรงขึ้นมาเชียว เอาเป็นว่ามึงอยากได้หรือเปล่าเนี่ย ถ้าอยากได้ก็เอาไป แล้วเดี๋ยวกูค่อยเล่ารายละเอียดให้มึงฟังวันหลัง กูไปแระ จะรีบไปทำธุระต่อ บาย
เจ๋ง: เฮ้ย! ไอ้หนึ่ง เดี๋ยวสิ...... ดูสิ ปล่อยให้กูสงสัยอีกแระ แต่ไม่เป็นไร ไปแอดไลน์น้องคนสวยดีกว่า .....อิอิ