….เวลาที่เหมาะสม...ฉันเดินกลับไปที่แห่งนั้นอีกครั้ง
ผืนทรายสีขาวกว้างใหญ่ยังต้อนบ้านหลังเล็กๆนั้นให้เข้ามุมอยู่ที่ก้นอ่าวเหมือนเดิมราวกับไม่ต้องการให้สิ่งปลูกสร้างขนาดกะทัดรัดนั้นจากไปไหนอีกแล้ว
เหมือนบางอย่าง...ความรู้สึกเก่าๆ...เรียกฉันให้เดินลุยเม็ดทรายละเอียดช่วงก่อนอาหารเช้าให้เข้าไปหา
นกทะเลร้องโหวกเหวกอยู่ไกลๆ แสงแรกของตะวันเริ่มส่งรัศมีความสว่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับฝีเท้าของฉันที่เร่งเดินไปที่บ้านหลังนั้น
บนระเบียง...เก้าอี้โยกตัวเก่ายังตั้งอยู่ใกล้ราวที่ทำจากท่อนไม้เปลือย ถัดไปเป็นโต๊ะเล็กๆที่ตีขึ้นจากไม้ซีกสีขาวทีตอนนี้สีของมันซีดจางลงไปมากแล้ว ส่วนเก้าอี้ไม้สไตล์เดียวกันก็ยังอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนกำลังรอใครสักคน
ฉันค่อยๆลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาวางใกล้ราวระเบียง...นั่งลงบนนั้น แล้วจึงปล่อยความคิดลอยไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านไปในอดีต
..................... นานหลายปีแล้ว
ตอนนั้นฉันนั่งเก้าอี้โดยพาดขาไปที่ระเบียงด้วยความรู้สึกที่สบายที่สุด
“ทำไมชอบนั่งแบบนี้ฮึ....มันสบายนักเหรอ?”แว่วๆว่าเธอเคยเปรยๆแบบนั้น
ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้จริงจังนัก ที่รู้ก็เพราะเธอพูดพร้อมยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเลิกซ่อนถ้วยกาแฟไว้เบื้องหลังพร้อมกับส่งมาให้ฉันดื่ม
“เขียนอะไรคะ?”เธอถามเบาๆตอนที่เห็นฉันหยิบสมุดขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปในหน้าว่างๆ
ไม่มีเสียงตอบจากฉัน แต่ตัวหนังสือบนหน้ากระดาษบอกแทนใจฉันไปทีละบรรทัดๆ
เธอไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ ฉันไม่รู้ว่าเธออ่านไปถึงไหน แต่เธอลากเก้าอี้อีกตัวมาข้างๆ...
เธอนั่งลงและซบหน้าลงที่ไหลกว้างของฉัน
“อยากให้มันเป็นอย่างนี้เหรอคะ?”เสียงเล็กๆของเธอทำลายความเงียบ
เธอรู้ว่าฉันคิดอย่างไรกับเธอ
สักพักเธอก็ปล่อยให้ฉันเขียนอะไรไปเรื่อยๆหลายหน้ากระดาษก่อนที่เธอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง แล้วทุกอย่างก็เงียบลง คงมีเพียงเสียงจากธรรมชาติ ในขณะที่ฉันยังคงวุ่นวายกับการเขียนต่อไป
เมื่อฉันรู้สึกเมื่อยเต็มที่จึงหยุดเขียน จากนั้นก็ยกขาจากราวระเบียง แล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินไปในห้องและเข้าไปกอดเธออย่างมีความสุข
“จะคิดถึงกันมั้ย?” เสียงเล็กๆดังกรอกหูขณะที่ฉันกำลังใกล้จะเคลิ้มหลับ
ฉันไม่ตอบ แต่คิดว่าจะบอกความจริงทุกอย่างให้เธอรู้ตอนที่ฉันได้หลับเต็มอิ่มแล้ว....ตอนนั้นฉันคงได้กินอาหารเช้า ต่อด้วยกาแฟถ้วยโปรดสักถ้วย และ กระซิบคำหวานบอกเธออย่างที่คิด
ฉันคิดว่าเธอจะดีใจเพียงไหนที่เรามาไกลถึงเพียงนี้ ฉันหมายถึงความสัมพันธ์ที่อบอุ่น หวามไหว และอยากเคลียคลอ
..........นานแค่ไหนที่ฉันหลับไป………
เมื่อตื่นขึ้นมา.....ฉันคิดว่าเธอเล่นซ่อนแอบ ฉันหาเธอรอบบ้านหลังเล็กๆนั้น ไม่เว้นแม้แต่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ที่เราเคยสลักถ้อยคำร่วมกันไว้หลายตำแหน่ง ฉันไปที่โขดหินริมทะเลเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธออาจจะอยู่แถวนั้น สิ่งที่ฉันพบคือความว่างเปล่า
ฉันเดินหมดเรี่ยวแรงกลับมาที่ระเบียงบ้าน...สมุดบันทึกที่มีก้อนหินทะเลกลมๆมนๆขนาดกำปั้นทับอยู่นั้นเหมือนเป็นแลนด์มาร์กอะไรสักอย่างที่เธอต้องการจะบอกอะไรกับฉัน
มือที่สั่นเทาของฉันค่อยๆหยิบหินออกจากหน้าปกสมุด...ฉันพลิกหน้ากระดาษทีละหน้าๆ ในใจคิดว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย
ท้ายที่สุด...บันทึกหน้าสุดท้ายมีลายมือของเธอ...
“คุณคิดว่าความรักมีอยู่จริงๆหรือคะ?” เธอเขียนไว้แบบนั้น
ความรักของเธอกับฉันคงคล้ายเรื่องนิยายน้ำเน่ายุคโบราณ...ครอบครัวเธอกีดกันเธอไม่ต้องการให้เธอคบกับฉัน เขาเตือนเราหลายครั้งแล้ว และนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอหนีมาหาฉัน และคงเป็นครั้งที่จบเรื่องของเราลงเสียที …ฉันเดาว่าเขาคงมาเอาตัวเธอกลับไปแล้ว และคงพาไปไกลแสนไกล
จากวันนั้น ฉันไม่ได้ข่าวของเธออีกเลย...
ชีวิตของหนุ่มชาวกรุงกับลูกสาวคนรวยหัวเมืองใหญ่ชายทะเลมันจบได้แบบไม่ต้องมีไดอะล็อกใดๆมาปิดท้ายจริงๆ
หลายปีผ่านไป...ฉันกลับมาที่ๆเคยเป็นซากรักเก่าของเราอีกครั้ง....แทบทุกอย่างยังอยู่อย่างเดิม เพียงแต่ดูเก่าและโทรมลงไปบ้าง...
ฉันคิดถึงคำพูดของเธอที่ว่า “คุณคิดว่าความรักมีอยู่จริงๆหรือคะ?”
ไม่ว่าวันนี้เธอจะอยู่ที่ไหน ฉันอยากบอกเธอในสิ่งที่ฉันบอก...แต่ ฉันไม่มีสุ้มเสียงใดๆลอดออกมาจากลำคอได้อีกแล้ว มือข้างที่เขียนหนังสือได้ก็พังพินาศไปสิ้นนับแต่วันที่เธอจากไป
เธอคงไม่รู้หรอกว่า ฉันดื่มอย่างบ้าคลั่งหลายวันหลายคืน ก่อนจะขับรถเร็วราวพายุด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ และท้ายที่สุดฉันไปได้สติที่โรงพยาบาลอีกหลายวันให้หลัง
ถ้าเธอไม่รังเกียจชายพิการที่พยายามจะส่งเสียงอ้อแอ้จากลำคอ และไม่รำคาญตาจากชายที่ไม่อาจเขียนอะไรได้อีกแล้วในสมุดบันทึกหรือกระดาษใดๆที่พอจะหาได้ ฉันอยากตอบคำถามที่เธอเขียนถามเอาไว้ในกระดาษเหลือเกิน
แต่วันนี้...ความรักมันคงอยู่แค่ในใจของฉันเท่านั้น...
อย่าคิดว่าความรักไม่มีอยู่จริงๆ....
Pete@Copyright