Login
-
 view (257 )     comment (8 )     last update : 22/2/2561 23:59:19
^-^ around ^-^
" ความใส่ใจ " สั้นๆแต่ความหมายมากมาย

" แตงโมครึ่งซีก ดูอุปนิสัย ”

บ่ายวันหนึ่ง ผมเลิกงานกลับบ้าน ร้อนจนเหงื่อโชก เปิดตู้เย็น พบแตงโมแช่เย็นอยู่ครึ่งซีก ดีใจจนคว้าออกมา แทะกินจนเรียบ

ขณะนั้นเอง ภรรยาผมก็กลับมาถึงด้วย เข้าประตูก็บ่น “กระหายน้ำ ร้อนมาก!” เธอเปิดตู้เย็น และชะงัก ผมบอกเธอว่า แตงโมซีกนั้นผมกินไปแล้ว สีหน้าเธอมีแววไม่พอใจ รีบเอาถ้วยไปรินน้ำ หยิบกระติกขึ้นมา ก็พบว่าในกระติกแห้งสนิท

เธอพูดขึ้นมาทันที “เธอกลับบ้านมาก่อนทำไมไม่ต้มน้ำไว้บ้าง มัวทำอะไรอยู่?”

ผมโกรธบ้าง “ทำไมอะไรก็ต้องให้ฉันทำ?”

เราสองคนทำสงครามเย็นกันอยู่เป็นอาทิตย์จึงยอมคืนดีกัน

วันเสาร์ ผมกลับบ้านพ่อแม่ไปคนเดียว พอเห็นหน้า ทั้งคู่ก็ถามว่า “ทำไมไม่เห็นเมตตาเลยอาทิตย์นี้?” ผมเล่าเรื่องที่โกรธกันให้ฟัง แม่ฟังแล้วตำหนิผม “ทำอะไรไม่ควรห่วงแต่ตัวเอง ควรใส่ใจคนอื่น"

ผมไม่เห็นด้วย “แค่กินแตงโมไปครึ่งซีก จะอะไรนักหนา?”

พ่อหัวเราะ “แกไม่ต้องแก้ตัว พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากันมากินข้าวที่นี่”

รุ่งขึ้น ผมพาครอบครัวมาหาพ่อแม่ พอเข้าบ้าน พ่อก็ใช้ผมไปซื้อน้ำส้มสายชู พอผมกลับมา พ่อบอกว่า เมตตาพาลูกออกไปข้างนอก บอกแล้วพ่อก็เอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม “แกร้อนซะเหงื่อโชก กินแตงโมดับกระหายหน่อยเถอะ" แตงซีกนั้นใหญ่ทีเดียว น่าจะหนักราวกิโลสองกิโลได้ พ่อส่งช้อนให้คันหนึ่ง “กินไม่หมดก็เหลือไว้ให้เมียแกกลับมากิน”

ผมหยิบช้อนแล้วก็ตักกินใหญ่ กินไม่ถึงครึ่งก็พุงกาง

หลังกินอาหารเที่ยง พ่อเอาแตงโมงสองซีกออกมาวางบนโต๊ะ บอกผมว่า “แกดูทีรึว่า มันต่างกันตรงไหน?”

ผมงง ดูอย่างละเอียด ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไป อีกซีกก็ถูกกินไปด้วย ดูอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่ามันต่างกันอย่างไร จึงส่ายหัว

พ่อชี้ให้ดูแตงแล้วอธิบายว่า “ซีกนี้แกกิน อีกซีกนี่เมตตากิน พ่อบอกแกทั้งสองว่า ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้ ดูสิว่าเมียแกใช้ช้อนยังไง? เธอเริ่มตักจากตรงกลาง กินไปถึงขอบครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไม่ถูกแตะต้อง แล้วดูของแกนี่ แกควักกินเนื้อตรงกลางจนหมด เหลือขอบไว้ให้คนอื่น ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเนื้อแตงโมหวานตรงกลาง?
จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ ก็เห็นได้ว่าเมตตามีใจใหญ่กว่าแกมาก”

ผมหน้าแดงทันที พ่อพูดอย่างมีความหมายว่า

“คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต จะมีเรื่องสำคัญอะไรนัก? ความรักความใส่ใจระหว่างผัวเมียอยู่ที่ไหน? มันก็อยู่ในน้ำมันหยดเดียว ข้าวช้อนเดียว น้ำแกงทัพพีเดียว คราวก่อนแกโกรธกันเรื่องกินแตงโม แล้วยังมีข้ออ้างมากมายทั้งที่เป็นฝ่ายผิด ถ้าเมตตาเป็นฝ่ายกลับถึงบ้านก่อน รับรองว่าเธอจะต้องเก็บไว้ให้แกครึ่งหนึ่ง อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ไม่สำคัญ แต่มันสะท้อนให้เห็นหัวใจคน แตงโมชิ้นเดียวนั่นแหละให้ความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน หัวใจคนต่อให้เย็นชาแค่ไหน แกค่อยๆ ให้ความอบอุ่น มันจะร้อนขึ้นสักวัน แต่หัวใจที่ต่อให้ร้อนเท่าร้อน แกสาดน้ำเย็นใส่ทีละช้อนทีละช้อน สักวันก็จะทำให้เย็นชาลงโดยสมบูรณ์
 คิดดูนะ ถ้าเมตตาเป็นเหมือนแก ทำอะไรไม่เคยใส่ใจ นานวันเข้า แกจะรู้สึกยังไง?”

คำพูดคำเดียวนั้นปลุกคนตื่นโดยแท้ ผมพบในทันใดว่า รองเท้าแตะที่วางไว้ให้ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน น้ำชาที่ชงไว้ให้ ร่มที่วางหน้าประตูยามฝนตก ล้วนแล้วแต่เป็นความรักความใส่ใจของเมตตา แต่ผมกลับไม่เคยเห็น ไม่รู้จักเอาใจเขาใส่ใจเรา ...

คิดแล้วก็ละอาย รีบยกชามเกี๊ยวมาให้เมตตา "เธอกินก่อนเถอะ”

เธอหัวเราะ “ไม่ต้องมาทำไก๋ต่อหน้าพ่อกับแม่”

พ่อก็หัวเราะ “ถ้าทำไก๋อย่างนี้ได้ทั้งชีวิตก็ถือว่าเป็นสามีที่ดี”

ในใจมีรัก ความรักนั้นต้องให้กันและกัน เราพึงใส่ใจอีกครึ่งของเรา อย่าคิดว่าทุกปัญหาเป็นการหาเรื่องโดยไร้เหตุผล ลองคิดถึงความผิดของตนดู

ใช้ชีวิตธรรมดาของตนให้ดี ปล่อยให้คนอื่นเฟื่องฟูไปเถิด

ความสุขไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่เพียงใด แต่อยู่ที่เสียงหัวเราะในบ้านหวานแค่ไหน

ความสุขไม่ใช่ได้ขับรถหรูเพียงใด แต่อยู่ที่ขับรถกลับถึงบ้านได้ปลอดภัย

ความสุขไม่ใช่มีคนรักสวย แต่อยู่ที่รอยยิ้มของคนรักสดใสเพียงใด

 ความสุขไม่ได้อยู่ที่ได้ฟังคำหวานมากหรือน้อย แต่อยู่ที่ยามโศกเศร้าเสียใจมีคนบอกฉันว่า ไม่เป็นไร มีฉันอยู่!

~~"แตงโมครึ่งซีก ดูอุปนิสัย”

บ่ายวันหนึ่ง ผมเลิกงานกลับบ้าน ร้อนจนเหงื่อโชก เปิดตู้เย็น พบแตงโมแช่เย็นอยู่ครึ่งซีก ดีใจจนคว้าออกมา แทะกินจนเรียบ

ขณะนั้นเอง ภรรยาผมก็กลับมาถึงด้วย เข้าประตูก็บ่น “กระหายน้ำ ร้อนมาก!” เธอเปิดตู้เย็น และชะงัก ผมบอกเธอว่า แตงโมซีกนั้นผมกินไปแล้ว สีหน้าเธอมีแววไม่พอใจ รีบเอาถ้วยไปรินน้ำ หยิบกระติกขึ้นมา ก็พบว่าในกระติกแห้งสนิท

เธอพูดขึ้นมาทันที “เธอกลับบ้านมาก่อนทำไมไม่ต้มน้ำไว้บ้าง มัวทำอะไรอยู่?”

ผมโกรธบ้าง “ทำไมอะไรก็ต้องให้ฉันทำ?”

เราสองคนทำสงครามเย็นกันอยู่เป็นอาทิตย์จึงยอมคืนดีกัน

วันเสาร์ ผมกลับบ้านพ่อแม่ไปคนเดียว พอเห็นหน้า ทั้งคู่ก็ถามว่า “ทำไมไม่เห็นเมตตาเลยอาทิตย์นี้?” ผมเล่าเรื่องที่โกรธกันให้ฟัง แม่ฟังแล้วตำหนิผม “ทำอะไรไม่ควรห่วงแต่ตัวเอง ควรใส่ใจคนอื่น"

ผมไม่เห็นด้วย “แค่กินแตงโมไปครึ่งซีก จะอะไรนักหนา?”

พ่อหัวเราะ “แกไม่ต้องแก้ตัว พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากันมากินข้าวที่นี่”

รุ่งขึ้น ผมพาครอบครัวมาหาพ่อแม่ พอเข้าบ้าน พ่อก็ใช้ผมไปซื้อน้ำส้มสายชู พอผมกลับมา พ่อบอกว่า เมตตาพาลูกออกไปข้างนอก บอกแล้วพ่อก็เอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม “แกร้อนซะเหงื่อโชก กินแตงโมดับกระหายหน่อยเถอะ" แตงซีกนั้นใหญ่ทีเดียว น่าจะหนักราวกิโลสองกิโลได้ พ่อส่งช้อนให้คันหนึ่ง “กินไม่หมดก็เหลือไว้ให้เมียแกกลับมากิน”

ผมหยิบช้อนแล้วก็ตักกินใหญ่ กินไม่ถึงครึ่งก็พุงกาง

หลังกินอาหารเที่ยง พ่อเอาแตงโมงสองซีกออกมาวางบนโต๊ะ บอกผมว่า “แกดูทีรึว่า มันต่างกันตรงไหน?”

ผมงง ดูอย่างละเอียด ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไป อีกซีกก็ถูกกินไปด้วย ดูอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่ามันต่างกันอย่างไร จึงส่ายหัว

พ่อชี้ให้ดูแตงแล้วอธิบายว่า “ซีกนี้แกกิน อีกซีกนี่เมตตากิน พ่อบอกแกทั้งสองว่า ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้ ดูสิว่าเมียแกใช้ช้อนยังไง? เธอเริ่มตักจากตรงกลาง กินไปถึงขอบครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไม่ถูกแตะต้อง แล้วดูของแกนี่ แกควักกินเนื้อตรงกลางจนหมด เหลือขอบไว้ให้คนอื่น ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเนื้อแตงโมหวานตรงกลาง?
จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ ก็เห็นได้ว่าเมตตามีใจใหญ่กว่าแกมาก”

ผมหน้าแดงทันที พ่อพูดอย่างมีความหมายว่า

“คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต จะมีเรื่องสำคัญอะไรนัก? ความรักความใส่ใจระหว่างผัวเมียอยู่ที่ไหน? มันก็อยู่ในน้ำมันหยดเดียว ข้าวช้อนเดียว น้ำแกงทัพพีเดียว คราวก่อนแกโกรธกันเรื่องกินแตงโม แล้วยังมีข้ออ้างมากมายทั้งที่เป็นฝ่ายผิด ถ้าเมตตาเป็นฝ่ายกลับถึงบ้านก่อน รับรองว่าเธอจะต้องเก็บไว้ให้แกครึ่งหนึ่ง อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ไม่สำคัญ แต่มันสะท้อนให้เห็นหัวใจคน แตงโมชิ้นเดียวนั่นแหละให้ความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน หัวใจคนต่อให้เย็นชาแค่ไหน แกค่อยๆ ให้ความอบอุ่น มันจะร้อนขึ้นสักวัน แต่หัวใจที่ต่อให้ร้อนเท่าร้อน แกสาดน้ำเย็นใส่ทีละช้อนทีละช้อน สักวันก็จะทำให้เย็นชาลงโดยสมบูรณ์
 คิดดูนะ ถ้าเมตตาเป็นเหมือนแก ทำอะไรไม่เคยใส่ใจ นานวันเข้า แกจะรู้สึกยังไง?”

คำพูดคำเดียวนั้นปลุกคนตื่นโดยแท้ ผมพบในทันใดว่า รองเท้าแตะที่วางไว้ให้ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน น้ำชาที่ชงไว้ให้ ร่มที่วางหน้าประตูยามฝนตก ล้วนแล้วแต่เป็นความรักความใส่ใจของเมตตา แต่ผมกลับไม่เคยเห็น ไม่รู้จักเอาใจเขาใส่ใจเรา ...

คิดแล้วก็ละอาย รีบยกชามเกี๊ยวมาให้เมตตา "เธอกินก่อนเถอะ”

เธอหัวเราะ “ไม่ต้องมาทำไก๋ต่อหน้าพ่อกับแม่”

พ่อก็หัวเราะ “ถ้าทำไก๋อย่างนี้ได้ทั้งชีวิตก็ถือว่าเป็นสามีที่ดี”

ในใจมีรัก ความรักนั้นต้องให้กันและกัน เราพึงใส่ใจอีกครึ่งของเรา อย่าคิดว่าทุกปัญหาเป็นการหาเรื่องโดยไร้เหตุผล ลองคิดถึงความผิดของตนดู

ใช้ชีวิตธรรมดาของตนให้ดี ปล่อยให้คนอื่นเฟื่องฟูไปเถิด

ความสุขไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่เพียงใด แต่อยู่ที่เสียงหัวเราะในบ้านหวานแค่ไหน

ความสุขไม่ใช่ได้ขับรถหรูเพียงใด แต่อยู่ที่ขับรถกลับถึงบ้านได้ปลอดภัย

ความสุขไม่ใช่มีคนรักสวย แต่อยู่ที่รอยยิ้มของคนรักสดใสเพียงใด

 ความสุขไม่ได้อยู่ที่ได้ฟังคำหวานมากหรือน้อย แต่อยู่ที่ยามโศกเศร้าเสียใจมีคนบอกฉันว่า ไม่เป็นไร มีฉันอยู่!

ความคิดเห็น
ผู้แสดงความคิดเห็น

พี่สาวๆ เริ่มสวยแล้ว

แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 23/2/2561 7:56:49
ผู้แสดงความคิดเห็น

ชมว่า สวย นี่เป็นปลื้มมากเลยน้า
แต่ที่แน่ๆ เราน่ะ น่ารักมานาน น้าน นาน มากเลยน้า 55
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 23/2/2561 14:13:32
ผู้แสดงความคิดเห็น

@JiPa
อ่านแล้วรู้สึกน่ารักอ่ะ เลยเอามาลงไม่ได้นึกอะไรเลย
แต่ ที่แน่ๆตอนนี้ จขกท  ฟรุ้งฟริ้ง มากเลย ^-^

โปรใหม่อาจแรงอยู่ ต้องรอตอนต่อไป 55
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 25/2/2561 1:13:02