Login
-
 view (8000 )     comment (10 )     last update : 25/5/2557 23:11:49
นิด
ยอมรับ "ความผิดหวัง" ให้เป็น

         หลาย คนให้นิยามของความรักไว้ต่างๆ นานา เช่น “ความรักคือการให้” “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม” “ความรักคือความซื่อสัตย์” ฯลฯ แต่หากความรักไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ ความรู้สึกผิดหวังในเรื่องความรักก็จะเกิดขึ้นและปรากฏเป็นอาการ “อกหัก” ให้เห็น ซึ่งก็มีหลากหลายคำพูดอีกเช่นกันที่พยายามสื่อให้ “คนอกหัก” ได้มีความรู้สึกที่ดีขึ้น  “อกหัก ดีกว่ารักไม่เป็น” “อกหักไม่ยักกะตาย” ฯลฯ

ดังนั้น หาก คุณคิดจะรักใครซักคนจึงต้องยอมรับในเบื้องต้นก่อนว่า ครึ่งหนึ่งคือความเสี่ยงที่จะต้องอกหัก และอีกครึ่งหนึ่งคือความเป็นไปได้ที่จะมีรักที่มีความสุข เมื่อคิดจะรักก็ต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่จะต้องลุ้น และหากเราเป็นพวกที่ต้องทนกินแห้วกระป๋อง ทำอย่างไรไม่ให้ความรักทำให้เราตาบอด ……… จึงต้อง “อกหักให้เป็น”

อาการ “อกหัก” เป็นอย่างไร

สำหรับคนที่ไม่เคยมีความรัก หรือความรักสุขสมหวัง ก็คงจะไม่รู้จักลักษณะอาการของคำว่า “อกหัก”
อาการที่อยู่ๆ ก็เกิดร้องไห้น้ำตาไหลพรากขึ้นมาเฉยๆ ขาดการยับยั้งต่อมน้ำตา สมองไม่สามารถสั่งการหรือใช้ในการประมวลผลเรื่องราวอะไรได้เลย นอกจากจะวนเวียนอยู่กับประโยคคำถามที่ว่า “ฉันผิดอะไร” “ทำไมเธอไปจากฉัน” “เรากลับมารักกันอีกได้ไหม”

หลับ ตาก็นึกถึงแต่เรื่องเขา ช่วงนี้ชีวิตจะเหมือนล่องลอยไร้วิญญาณ ไม่รู้สึกรู้สากับสถานการณ์รอบๆตัว เกิดภาวะสับสนทั้งทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ใจหวิวๆ รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน หายใจก็ขัดๆ ปวดท้องแต่ไม่อยากกินข้าวกินปลา ซึ่งอาการต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วง “อกหัก” นี้ เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางเคมีภายในร่างกาย และจะส่งผลต่อภาวะอารมณ์ ความรู้สึก รวมถึงปฏิกิริยาของร่างกายด้วย

ทำไม “อกหัก” จึงรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน

การ ที่คนเรารู้สึกเจ็บปวดเมื่อ “อกหัก” อาจเป็นผลมาจากกระบวนการทางเคมีในร่างกาย คือ เวลาที่คนมีความรัก สมองจะหลังสารที่เรียกว่า “ฟีนิลเอธิลามีน (Phenylethylamine) ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยากระตุ้นประสาทอย่างแอมเฟตามีน สามารถทำให้สมองตื่นตัวและร่างกายมีกำลังมากขึ้น

และเมื่อเกิด “อกหัก” อย่างแรง สมองและร่างกายจะสูญเสีย “ฟินิลเอธิลามีน” อย่างเฉียบพลัน ซึ่ง ดร.ไมเคิล ไลโบวิตซ์ แห่งสถาบันจิตวิทยานิวยอร์ก อธิบายไว้ว่า อาการ “อกหัก” เพราะรักเป็นพิษนั้นจะคล้ายกับอาการถอนยาอย่างมาก

สาร อีกตัวหนึ่งที่ส่งผลต่อความเจ็บปวดเมื่อคนเรา “อกหัก” ก็คือ “สารเอ็นโดฟินส์ (Endophins) โดย นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์สาขาอายุรกรรมสมอง รพ.กล้วยน้ำไท 1 ได้เล่าประสบการณ์จากการสังเกตคนไข้สองกลุ่มที่มีอาการป่วยเดียวกัน และพบว่า คนไข้ที่มีคนรักคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาจะมีอัตราการหายป่วยที่เร็วกว่าคนไข้ที่ ไม่มีคนรักมาคอยดูแล

อีก กรณีหนึ่ง เชื่อว่า “สารเอ็นโดฟินส์” สามารถลดความเจ็บปวดได้ โดยพบว่า ผู้ป่วยที่โดนมีดบาด หากมีคนรักมาคอยปลอบโยนร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ออกมา เพื่อปิดกั้นสัญญาณความเจ็บปวดที่จะส่งถึงสมอง จึงเป็นผลให้ลดความเจ็บปวดลงไปได้

ดัง นั้น เมื่อคนเรา “อกหัก” จึงเกิดการปรับเปลี่ยนของสารเคมีในร่างกายที่ไม่สมดุล ทำให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆ แตกต่างกันออกไปซึ่งก็ขึ้นอยู่กับภูมิหลังการเลี้ยงดู วิถีชีวิตในปัจจุบัน ครอบครัว ภาวะทางสังคม หรือแม้แต่ปริมาณสารเคมีในร่างกาย จึงทำให้บางคนที่ “อกหัก” สามารถที่จะทำใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่คน “อกหัก” จำนวนหนึ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จึงนำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ดัง นั้น เราจะเห็นได้ว่า เมื่อคนเรา “อกหัก” และมีอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้นมานั้น ล้วนส่งผลกระทบต่อปฏิกิริยาของร่างกาย ส่วนจะส่งผลกระทบมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับภาวะการปรับตัวรับกับสภาพการ “อกหัก” ได้มากน้อยเพียงใด

อกหักให้เป็น….ทำอย่างไร

เมื่อ “อกหัก” หากจะห้ามไม่ให้คนเรารู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ให้รู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจ เศร้า หรือสับสนทางอารมณ์และความคิด คงจะเป็นไปไม่ได้

ดัง นั้น จะทำอย่างไรให้ความสับสนทางอารมณ์และความคิดต่างๆ เหล่านั้นไม่เกินเลยจนส่งผลกระทบต่อตนเอง จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับอารมณ์ ความคิดและพฤติกรรมให้เข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด

วิธีปรับความคิด อารมณ์ ความรู้สึก รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ให้สามารถรับมือกับภาวะ “อกหัก” ให้ได้ โดยการ “อกหักให้เป็น” มีดังนี้

1. ถ้าอยากร้องไห้ ….. จงร้องให้เต็มที่ ระบายความรู้สึกเจ็บปวดอย่างสุดแสนออกมาทางน้ำตา อย่าพยายามเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ การร้องไห้เป็นการระบายอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้มีการปรับความสมดุลทางอารมณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด

2. เสียใจได้…..แต่อย่าให้เสียคน การเสียใจทำให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยเราก็มีหัวใจไว้รักไว้เจ็บ มีความทุกข์ความสุขได้เหมือนคนอื่น ต้องรู้จักควบคุม รู้จักความพอดี อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่าและอย่าคิดทำร้ายตัวเอง อย่าลืมว่าเรายังมีพ่อแม่ที่รักเรามากที่สุด และเป็นความรักที่ยั่งยืนที่สุดด้วย แล้วคิดเสียว่าก่อนจะมีใครคนนั้นเราสามารถมีชีวิตอยู่มาได้ และเมื่อเขาไปเราก็ต้องอยู่ต่อไปได้เช่นกัน

3. อย่าแบกทุกข์ตามลำพัง กลับไปหา “พ่อแม่” ดีที่สุด พูดคุยกับท่าน ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นและเจ็บปวดแสนสาหัสให้ท่านฟัง แล้วเราจะได้รับกำลังใจอันมีค่าที่สุดจากท่าน หรืออาจใช้วิธีเขียนความรู้สึกลงในกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

4. ปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ พยายามปรับปรุงตัวเองในภาพลักษณ์ใหม่ที่ไฉไลและดูดีกว่าเดิม อย่าปล่อยให้ตัวเองหน้าโทรม ผมเผ้ารุงรัง ตาปูด ผอมโซ อย่าให้ชีวิตรักที่ไม่สมหวังมาทำให้ตัวเองต้องจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ตลอดเวลา

5. หันเหความสนใจไปทำกิจกรรมอื่นๆ อย่าเก็บตัว แรกๆ อาจจะต้องฝืนความรู้สึกอยู่บ้าง แต่ถ้าได้ลงมือปฏิบัติแล้ว อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ จะดีขึ้น เช่น เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เป็นต้น

6. ให้คิดเสียว่าประสบการณ์ “อกหัก” เป็นประโยชน์ต่อชีวิต เพราะมันจะเป็นเหมือนสะพานอีกขั้นหนึ่งให้เราได้ก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ให้เราได้ใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่ง และกำไรที่เหลืออยู่จากประสบการณ์ “อกหัก” ก็คือ ได้เรียนรู้ว่ารักเป็นอย่างไร ถ้าไม่สุขจนล้นมาเสียก่อนจากการได้รักและถูกรัก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ็บเจียนตาย นอนน้ำตาไหลพรากเป็นท่อน้ำประปาแตกนั้นมันทุกข์แค่ไหน

แม้ ความรักที่ไม่สมหวังทำให้ต้องสูญเสียความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้แก่กันไปมากน้อยแค่ไหน หรือแม้กระทั่งทำลายความเป็นตัวของตัวเองให้ลดน้อยไปมากเพียงใดก็ตาม แต่หากเราได้เรียนรู้เพื่อที่จะ “อกหักให้เป็น” ความรักที่ไม่สดใสอาจกลายเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เรามองเห็นโลกที่กว้างใหญ่และสวยงามขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

 

… อาจดูว่ามันอ้างว้าง แต่ว่าทางที่เดินก็กว้างพอ … ไม่ต้องรอไปแบ่งกับใคร
...

ความคิดเห็น
ผู้แสดงความคิดเห็น

ถูกต้องที่ซู้ดเลยครับ แต่กว่าจะผ่านความผิดหวังนี้มาได้ก้อ หนักเหมือนกันนะครับ
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 12/9/2557 19:38:43
ผู้แสดงความคิดเห็น

อย่างน้อยก็เคยรักกัน
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 14/9/2557 14:36:04
ผู้แสดงความคิดเห็น

คนที่"โดนทิ้ง"จะเจ็บกว่าคนที่ "จำเป็นต้องทิ้ง" แต่คนที่ไม่รู้สึกอะไรเลยคือคนที่"ไม่พอใจก็ทิ้ง"
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 11/2/2558 10:11:57
ผู้แสดงความคิดเห็น

กำลังยอมรับกับความผิดหวัง แต่มันยากจัง พยายามที่จะไม่จมกับความทุกข์ พยายามที่จะกลับมาเป็นคนที่ร่าเริง คงต้องใช้เวลาอีกนาน แต่จะพยายามต่อไป
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 4/9/2558 22:45:42
ผู้แสดงความคิดเห็น

อาชีพขายแห้วอาชีพหลักผมเลย555??
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 29/8/2559 22:48:51
ผู้แสดงความคิดเห็น

อกหักให้เป็น !!
มันกลายเป็นบทเรียนชีวิตในเรื่องความรัก ของคนที่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาด้วยความลำบาก กว่าแผลในใจนั้นจะหายดี คงทำใจนานหน่อย
เสียใจได้…..แต่อย่าให้เสียคน การเสียใจทำให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยและการที่มีหัวใจไว้รักไว้เจ็บ ก็ยังดีกว่ารักใครไม่เป็น มีความทุกข์ความสุขได้เหมือนคนอื่น ต้องรู้จักควบคุม รู้จักความพอดี อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่าและอย่าคิดทำร้ายตัวเอง อย่าลืมว่าเรายังมีพ่อแม่ที่รักเรามากที่สุด กว่าพวกท่านจะเลี้ยงโตมาได้ขนาดนี้ ทำให้เราได้มีการงานที่ดี มีญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องที่มันอยู่เคียงข้างเรามาตลอดหลายปี และเป็นความรักที่ยั่งยืนที่สุดด้วย แล้วคิดเสียว่าก่อนจะมีใครคนนั้นเราสามารถมีชีวิตอยู่มาได้ และเมื่อเขาไปเราก็ต้องอยู่ต่อไปได้เช่นกัน
by. ..Chocola
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 22/3/2559 20:52:14
ผู้แสดงความคิดเห็น

ถ้ายังคิดถึงเรื่องอกหักอยู่ มันก็เป็นแค่การหาเหตุผล มาปลอบใจตัวเอง และยังรู้สึกอยู่ลึก ๆ
ถ้าทำใจได้จริง ๆ เราจะไม่พูดคำว่า "อกหัก" ช้ำ ๆ แต่จะนึกถึงคำว่า เคยมีความรัก ประสบการณ์ความรัก วันเวลาเก่าๆ อดีตที่หอมหวาน หรืออาจเป็นความทรงจำที่งดงาม
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 13/11/2559 21:45:49
ผู้แสดงความคิดเห็น

ลองหาอ่านหนังสือของตุณดังตฤณดูสิ ช่วยแก้อาการอกหัก การโดนเท ได้ดีที่เดียว
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 17/11/2559 16:05:12
ผู้แสดงความคิดเห็น

ลืมบอกชื่อหนังสือ ชื่อ รักแท้มีอยู่จริง เขียนโดยคุณดังตฤณ
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 17/11/2559 16:13:48