นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้ “รับวัคซีนป้องกันพิษรักบ้า”
จะรักแล้วบ้า หรือบ้าแล้วรัก หรือกระทั่งเดี๋ยวรักเดี๋ยวบ้าก็ตามที เอาเป็นว่าถ้าคลุ้มคลั่งเพราะรักละก็คงต้องถึงเวลาหันมาทบทวนบทบาทบางอย่างในชีวิตบ้างแล้วละ
ความรักนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าไม่มีวัคซีนป้องกันในระยะเริ่มแรก ระยะกลาง และระยะสุดท้าย ก็คงต้องแพ้ภัยความรักจนได้ และอาจถึงขั้นสูญเสียอะไรหลายๆอย่างที่คิดไม่ถึง
คนที่บอกว่า “รักย่อมเข้าใจในรัก” นั่นแหละ ตัวดีเลย จริงแล้วแทบจะเรียกว่าเป็น case study ก็คงได้
ถ้าต่างฝ่ายต่าง “เข้าใจผิดในเรื่องความรัก”ด้วยกันทั้งคู่ คำว่ารักเข้าใจในรักก็ยิ่งพากัน “ร่วมเข้าใจผิด” แบบถลำลึกเข้าอีกมากมาย กว่าจะรู้ตัวบางทีไปโผล่ในเงามืดของดวงจันทร์เข้าให้แล้ว
“รัก เป็นเรื่องของ อารมณ์”
และ “อารมณ์ เป็นผลผลิตของ ความคิด”
สมการที่ยกขึ้นมานี้ ผมไม่ได้เป็นคนคิด...คนที่คิดก็คือคนที่เกิดมาแล้วเมื่อสองพันกว่าปีก่อน
อย่าเดาว่าเป็น โสเครติส หรือ ขงจื๊อ ที่ถือว่าเป็นปราชญ์ร่วมสมัยเมื่อกว่าสองพันปีก่อนที่ว่า
แฮ่ม...บุคคลผู้นั้นผู้เป็นต้นคิดสมการที่บอกก็คือ Lord Buddha นั่นเอง (คุ้นๆมั้ยครับ เฉลยดีกว่า ก็พระพุทธเจ้านั่นไง)
แถมท่านยังบอกว่า ไม่ต้องเชื่อท่าน ให้ไปไตร่ตรองจนตกผลึกเสียก่อน ถ้าเห็นตามนั้นแล้วค่อยมาเชื่อกัน (อย่าเชื่อเพราะตามกันมา อย่าเชื่อเพราะเป็นศาสดา ฯลฯ) ถือได้ว่าท่านทรงแฟร์ๆมาก
เพราะงั้น อ่านแล้วก็อย่าเชื่อที่ผมเขียนทั้งหมด...คงต้องไปหาข้อมูลด้วยตัวเองแล้วค่อยคิดพิจารณา จากนั้นจะคล้อยตามหรือเห็นตามที่ผมเขียนก็ค่อยว่ากันอีกที
เมื่อย้อนกลับไปมองข้างต้น จะเห็นว่า อารมณ์รักเป็นผลผลิตของความคิดด้วยส่วนหนึ่ง(ส่วนใหญ่) ดังนั้นหากจะหาวัคซีนมาดูแลความรักกันก็ต้องโฟกัสกันที่ “ความคิด”นี่แหละครับ อันนี้ไม่ต้องไปหาหมอที่สภากาชาดให้ฉีดยาต้านให้สักสองสามเข็มก็ได้ บางทีนั่งอ่านอยู่อย่างนี้ก็ “จัดหา” ให้ตัวเองได้
คราวนี้จะจัดการ “ตัดความคิด” หรือ หาวัคซีนจัดการกับความคิดไม่ให้เตลิดเปิดเปิงได้อย่างไรนั้น อันนี้ “งานยาก”แล้วละ
ความคิดเป็นผลผลิตของเซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์ และเซลล์ความคิดเหล่านั้นมันมีประสบการณ์การควบคุมมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ ดังนั้น มันจึงทำหน้าที่ “ควบคุม”เราทุกคน และจะเป็นอย่างนั้นไปตั้งแต่เกิดกระทั่งตาย
แต่...ไม่ใช่ว่าไม่มีทางที่จะ “จัดการ” ความคิดได้เสียทีเดียว เอาเข้าจริงแล้วมีหลายวิธีที่น่าสนใจทั้งสิ้นเพียงแต่เราไม่ได้สนใจมันจริงๆจังๆเท่านั้น
ผมเขียนมาถึงอย่างนี้แล้ว ตอนนี้หลายๆคนคงร้อง “อ๋อ”กันแล้ว เพราะวิธีที่จะดูแลความคิดได้นั้นมีตำราหลายล้านเล่มพูดถึงกันจนไม่รู้จะหยิบเล่มไหนมาอ่านแล้วปฏิบัติกันก่อน เรียกว่าสับสนว่างั้นเถอะ
ตรงนี้ถือเป็นการบ้านสำคัญ แต่ถ้าค้นพบ ผมเชื่อว่าเราคงหาวัคซีนเพื่อดูแล ควบคุม ความคิดที่ฟุ้งซ่านในเรื่องทุกเรื่องรวมทั้งเรื่องรักได้ดี
ตอนนี้ใครพบวัคซีนตัวนั้นแล้วบ้างเอ่ย....
เอามาฉีดให้ผมบ้าง...
ถ้าไม่ฉีดให้ผมๆจะฉีดยาแอนตี้ไว้รัสคุณนะ...
Pete@(hand)somewhere