Login
-
 view (192 )     comment (3 )     last update : 29/8/2562 12:33:35
pup
อีกหนึ่งวันที่แสนหดหู่ Y_Y

เป็นอีกหนึ่งวันทำงานที่ไม่อยากทำงานเลยจริง ๆ

ไม่ใช่เพราะความขี้เกียจ...แต่มันเป็นวันที่หดหู่หัวใจ

กับหลาย ๆ ภาพที่ได้เห็นในวันคลินิกเบาหวาน - ความดัน

จะด้วยอะไรก็แล้วแต่  แต่สิ่งที่พบว่าผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกเดือน

นี่นับเฉพาะคนที่เข้าระบบการรักษาแล้วนะ  ยังไม่รวมคนที่ไม่เคยตรวจร่างกาย

และคนที่ตรวจพบแล้วแต่ไม่แสดงอาการอะไรเลยไม่รับการรักษา

หรือแม้แต่แสดงอาการแล้วแต่เรื่องปากท้องสำคัญกว่าสุขภาพก็ตามที

แต่ความน่ารักในคลินิกก็ยังมีให้เห็น  เดือนนึงจะเจอกันสักครั้งนึง

ก็จะมีเรื่องคุยกันได้อย่างน่ารักเสมอ  พามากีโรค??? วันนี้สอบผ่านมั้ย

(ความดันปกติหรือเปล่า) ต้องมาซ่อมมั้ย (คือหมอนัดมาวัดซ้ำอีกถ้าความดันสูง)

โห....หมอใจดีให้ขนมเป็นหอบ (ยาที่ได้กันแต่ละครั้งคือหนึ่งเดือนซึ่งบางคนเยอะมากจริงๆ)

ก็พาให้มีเสียงหัวเราะเฮฮาไปได้ครั้ง ๆ หนึ่งของเดือนก่อนจะแยกย้ายกันไปสู่วันปกติ

แต่อีกฟากหนึ่งคือผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่เส้นเลือดสมองได้แตกไป

จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง....ต้องไปวัดความดันให้ที่บ้านและพบว่า

ผู้สูงอายุเหล่านั้นกลับถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง บางคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

ต้องนอนจมอยู่กับปัสสาวะ  อุจจาระเป็นที่น่าเวทนานัก นึก ๆ ก็ย้อนไปคราวครั้งเรายังเด็ก

เราอึเราฉี่  พ่อแม่รีบเช็ดล้งทำความสะอาดให้เราคงความน่ารัก  ความหอมน่าสัมผัสเสมอ

บางคนคงนึกถึงคำที่ว่าพ่อแม่คนเดียวเลี้ยงลูกเป็นสิบคนได้  แต่ลูก ๆ เป็นสิบทำไมปล่อยทิ้งให้พ่อแม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ ลองคิดง่าย ๆ นะสมมุติว่าถ้ามีลูกคนนึงที่ต้องอยู่กับพ่อแม่คนนี้

และเค้าต้องเป็นคนที่ต้องหาค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เพราะทุกวันนี้สารพัดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำซึ่งก็น่าเห็นใจหากต้องดำเนินชีวิตให้ผ่านไปท่ามกลางคำแช่งด่าว่าไม่ดูแลพ่อแม่พิการ เพราะเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น  เพราะงั้นจึงไม่ควรไปตัดสินใครคนใดคนหนึ่งก่อนที่เราจะได้สัมผัสเองจริง ๆ นึกย้อนไปอีกก็ไม่ต่างอะไรกับคนไข้ที่มารับการรักษาแต่จู่ ๆ ขาดการรักษาไป ถึงแม้ค่ารักษาไม่ต้องเสีย  แต่เค้าก็ต้องมีค่าเดินทาง  และต้องเสียรายได้ในวันที่ต้องมาหาหมอก็ไม่แปลกที่เค้าจะขาดการรักษาไป  พอมีอาการกลับมารักษาอีกครั้งกลับถูกหมอว่าเอาอีก  หดหู่มั้ยล่ะชีวิต  คิดไปคิดมาก็อย่างให้มีการทำพินัยกรรมชีวิตได้จริงหนอ

คือ  ให้เขียนเป็นพินัยกรรมไว้ว่าหากวันได้ข้าพเจ้าป่วยไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม  แล้วไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวันใดได้เลย ไม่แม้แต่จะสามารถที่จะฆ่าตัวเองได้ด้วยแล้ว  และหากมีชีวิตอู่ไปแค่ด้วยเครื่องช่วยหายใจ  หรือเป็นภระของผู้อื่นแล้วให้ดำเนินการทำให้ข้าพเจ้าตายไปเสยเถิด  อะไรแบบนี้ได้คงจะดี  คงมีคนอีกไม่น้อยที่อยากทำแบบนี้

ไม่มีใครอยากนอนเป็นผัก ไม่มีใครอยากสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับคนที่รักที่ต้องมาคอยดูแล  ปฏิหาริย์ไม่มีจริง  เมื่อไม่อยากป่วยจงรักษาสุขภาพ อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา  สุขภาพที่ดีขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต  กิน....เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และสะอาด พักผ่อน.....นอนหลับให้เพียงพอ ขับถ่าย...ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา  เคลื่อนไหว....เคลื่อนไหวร่างกายให้ถูกท่า และไม่หนักหนาเกินไป  สมดุลน้ำในร่างกายต้องเหมาะสม ที่สำคัญจิตใจต้องผ่องใสเสมอ  มีความสุขกับทุก ๆ เรื่อง  ทุก ๆ วัน  ถ้ามันหนักหนาก็แค่....เดี๋ยวมันก็ผ่านไป  สู้  สู้ ^^

 

ความคิดเห็น
ผู้แสดงความคิดเห็น

บางทีรูปแบบของงานก็เป็น "ภาคบังคับ" ที่ทำให้ใจเป๋ไปบ้าง

เหนื่อยนักก็ต้องพักผ่อนครับ

หรือถ้าทำได้ก็ใช้ทุกหลักที่พอทำให้บรรเทาความเครียดครับ

จากเรื่องที่บรรยายมาทำให่้ผมเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้อง "แข็งแรง" เท่าที่จะทำได้(ร่างกาย) เพราะเวลาเราเจ็บป่วย เราป่วยคนเดียว (ไม่มีใครมาแชร์ความป่วยของเราได้)

เวลาเหงาเราก็เหงาคนเดียว(ประมาณเดียวดายแบบอาการเป่วย)

กระเช้าที่มาเยื่ยมก็แค่บอกว่า เขาลางานมาดูเราได้โดยมีเวลาจำกัดนะ(มาทุกวันแทบไม่ได้ - แต่ก็มาแบบ.....)

เพราะงั้น ไม่เจ็บไม่ป่วยดีกว่า (ทั้งกายและใจนั่นแหละครับ)
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 29/8/2562 14:51:27
ผู้แสดงความคิดเห็น

มีสุขภาพแข็งแรงเพื่อตัวเอง และด้วยหน้าที่เพื่อดูแลคนอื่นด้วยค่ะ ^^
แต่หลาย ๆ ไม่ได้มีหน้าที่นี้โดยตรงแต่ก็พร้อมที่จะแข็งแรงเพื่อดูแลคนที่รัก
มักเป็นเช่นนั้นเสมอ....อย่าคิดว่าเวลาเจ็บป่วยคุณจะเดียวดาย
อย่างน้อยก็มีพวกเราชาวสาธารณสุขค่ะ ^^
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 29/8/2562 16:46:05