ณ วันนี้ ...วันที่โลกทั้งโลกขึ้นไปอยู่ออนไลน์กันหมด ทุกอย่างติดต่อกันผ่านคลื่นของเวฟต่างๆ แม้กระทั่งข้อมูลสารพัดอย่างก็ถูกนำขึ้นไปจัดเก็บกันอยู่บน cloud ทำให้ทุกวันนี้คนทั้งหลายไม่ต้องแบก ฮาร์ดไดร้ฟ์ ติดตัวไปทำงานแล้ว เวลาอยากได้ข้อมูลก็สอยเอาจาก cloud หรือ platform สารพัดที่เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว
เรื่องของสัมพันธภาพ - ความรักก็ตกอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน นั่นคือ ขยับไปอยู่บนระนาบออนไลน์กันหมด ตรงนี้ทำให้ใครต่อใครส่งความรักลอยไปในอากาศชนิดที่หัวใจแทบม้วนพันกันไม่รู้ใครเป็นใครวุ่นวายอยู่ในอากาศ และที่ตามมาก็คือ มีการค้า การหลอกลวง การทำเป้าหมายเชิงพานิชย์ การปั่นหุ้น การสื่อสารความรู้ และอีกสารพัดสิ่งที่ยัดขึ้นไปในอากาศได้ก็ทำให้มันคงค้างอยู่ในระบบโซเชียลเน็ตเวอร์คได้ทั้งหมด
โลกบนดินมีอะไร โลกออนไลน์ก็มีแบบนั้น แต่อย่างหลังเดินทางได้เร็วกว่า มากมายกว่า และสูญหายไปได้รวดเร็วกว่าเช่นกัน
ไม่ว่าโลกบนดินหรือโลกจริงต้องใช้ “การไตร่ตรอง”เช่นใด หากเดินอยู่บนเส้นทางโลกออนไลน์ก็ต้องใช้ตรรกะแบบเดียวกัน บางทีอาจจะต้องใช้ทักษะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ เนื่องจากมัน “เร็วกว่า ส่งปริมาณมากมายกว่า และสูญสลายได้รวดเร็วกว่า”ตามย่อหน้าข้างต้น
โลกของ “ความรัก”ทั้งโลกจริงและโลกออนไลน์น่าจะเป็นเรื่องที่ควรพูดถึงหากมองการเขียนให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรของที่ HOL แห่งนี้ และกลายเป็นประเด็นที่อยากนำเสนอในบางแง่มุม
...จำเป็นหรือไม่ที่คนที่ติดต่อกันทางเน็ต ต้องรีบเจอกันและคุยกันให้เร็วที่สุด เพราะโลกทางเน็ตนั้นมีแต่สิ่งหลอกลวงและการเจอกันจะได้สกรีนข้อมูลต่างๆได้ทันก่อนจะเพลี่ยงพล้ำ
คำตอบมีแตกต่างกันออกไป...คนที่เคยผ่านการถูกหลอกลวงมาแล้วทางเน็ตก็ออกมาเตือน(ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี) หลายคนนำเอาประสบการณ์ตรงมาเผยแผ่ ซึ่งต้องนับว่าเป็นความใจกล้าและมีประโยชน์ต่อใครก็ตามที่จะใช้เส้นทางนี้เป็น “ทางเลือก” หรือ option เสริมในการต่อต่อกับว่าที่คนรักในอนาคต...
บางคนใช้การสกรีนหา “คนที่ใช่” กันทางเน็ตด้วยวิธีการที่แทบไม่ต่างจากบริษัทใหญ่ๆ ที่ไม่เน้นให้ทุกคนเดินหน้ามาที่บริษัทแล้วจัดเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานกันโดยตรง แต่เลือกวิธี “แนะนำตัว”ผ่านทางจดหมาย หรือดีวีดี หรืออีเมล เพื่อคัดคนตามที่ต้องการ ...นี่คือการกรองชั้นที่ 1 ... จากนั้นจึงค่อย “นัดสัมภาษณ์” เพื่อค้นหาทัศนคติ บุคลิก การใช้ภาษา ความสามารถเฉพาะตัว และ ให้เขียนข้อมูลบางอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคนๆนั้น ... นั่นคือการกรองชั้นที่ 2.... แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ... หากมีแคนดิเดทที่ต้องการตัวจริงๆก็จะเลือกที่หมายตาจากพวกที่เลือกทั้งหมดซึ่งเหลือน้อยนิดนั้นมา ให้อาจารย์ทางจิตวิทยาทดสอบ เพื่อค้นหาความจริง ...การโกหก...ความเป็นไปได้ และอีกสารพัดอย่าง (กรณีนี้สังเกตได้จากการรับสมัครนักบินของการบินไทยที่ ขั้นตอนที่สามนั้นจะต้องจ้าง โปรเฟซเซอร์ทางจิตวิทยาระดับโลกของอังกฤษมาหาคนที่เหมาะสม และขั้นตอนนี้ก็ “หลอก”กันไม่ได้แล้ว) ...นั่นคือการกรองชั้นที่ 3
มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก ไม่ว่าที่ไอวี่ลีก หรือที่ไหนๆก็ทำแบบย่อหน้าข้างต้นเพื่อคัดหา “คนที่ใช่” มาอยู่ในองค์กร....
เขียนมาแบบนั้นเพื่อให้เห็นว่า...รู้บ้างหรือไม่ว่ามีใครบางคนในเว็บนี้ มีวิธีการค้นหาสิ่งที่เขาต้องการในแบบที่คล้ายๆการเฟ้นหาแบบนั้น เพียงแต่ ขั้นตอนการปฏิบัติอาจไม่คล้ายกับขององค์กรระดับโลกต่างๆ แต่ด้วยสมอง สติปัญญา และวิธีคิดนั้นบางทีก็ยากจะคาดเดา หากแต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น ก็น่าจะพึงพอใจระดับหนึ่ง
แต่...จะมีสักกี่คนที่ “ค้นหาคนที่ตนต้องการ”ด้วยวิธีที่รอบคอบไม่ต่างจากบริษัทต่างๆเฟ้นหาพนักงานมาทำงานด้วย...เราส่วนใหญ่ละเลยเรื่องนี้หรืออาจจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตามที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ... ทั้งๆที่เรากลัวว่าคนในเน็ตจะหลอกเรา แต่เรากลับหละหลวม หรือมองข้ามบางสิ่งไปเอง...
ไอน์สไตน์ เคยกล่าวว่า “คนที่คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นเช่นเดิม” ดังนั้นถ้าเราอยากให้โลกดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น หรือผิดหวังน้อยลง โดยหนีอดีตที่ขมขื่นเราก็ต้องใช้สติปัญญามากเป็นหลายเท่ามากกว่าตอนที่เกิดปัญหา จึงจะแก้ปัญหาได้ และทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเราต้องสร้าง “ปัจจัย” ขึ้นมาด้วย ถ้าไม่มีปัจจัยแล้ว การคิดไปก็เท่านั้นเพราะไม่มีอะไรมาเสริมกำลัง รวมทั้งขั้นตอนสุดท้ายต้องใช้ “การเทคแอคชั่น” เพื่อให้ไปได้อย่างที่ต้องการในที่สุด
โดยส่วนตัว เชื่อว่า การใช้การสื่อสารทางเน็ตทุกช่องทางเพื่อค้นหาคนที่ใช่นั้นถือเป็นออปชั่นที่ดี และเมื่อพบคนที่คิดว่าน่าจะใช้แล้ว ก็จัดขบวนการตรวจสอบตามที่เหมาะสมได้เลย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เลือกแล้วว่าจะโปรแกรมอะไรลงไป เมื่อตรวจสอบจนพอใจ คล้ายๆกับบริษัทรับคนเข้าทำงานที่คัด resume จนเข้าตาที่สุดจึง นัดสัมภาษณ์กัน ตลอดจนทำตามขั้นตอนอื่นๆจนครบอย่างที่ต้องการ
ได้คนแล้วยังต้องเอาไป ลองงาน (รู้นะคิดอะไรอยู่) หากพบว่าทำงานไม่ได้ ก็ต้องเซย์โนทั้งที่เลือกแล้วเลือกอีก เลือกมาเป็นปี บทมันจะไม่ได้เรื่องหรือทำงานให้ไม่ได้ก็ต้องเลิกรากันไป ชีวิตความรัก หรือการแต่งงานก็เกือบๆจะคล้ายกับแบบนี้ ซึ่งก็คงต้องยอมรับว่าเราเองก็ทำดีที่สุดแล้ว คัดกรองมากที่สุดแล้ว ไอ้ที่จะไม่ผิดพลาดหรือผิดหวังเลยคงเป็นไปไม่ได้
.........
คราวนี้หากมองในโลกจริง ที่ไม่ใช่เน็ต...เวลาเราอยากเจอใครสักคนบางทีมันมีตัวเลือกน้อยกว่าเน็ตเยอะแยะ แต่ก็ดีตรงที่ได้พูดคุยกันตรงๆ วัดใจกันไปเลย...แล้วกี่ครั้งแล้วล่ะที่เราผิดหวังกับโลกจริง ...ซึ่งบางทีก็ไม่ต่างจากโลกเน็ตที่บางคนโดนหลอกลวงสารพัดจากโลกจริง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร
สรุปคือ...มนุษย์มันก็เป็นของมันอย่างนี้มาตั้งแต่ยุคโบราณกาล ตั้งแต่เส้นทางสายไหม สงครามครูเสด ขุนช้างขุนแผน อารีดัง และล่าสุดดาราดังทั้งหลายที่แต่งและหย่าแบบสายฟ้าแลบ...เอาเข้าจริง ประสบการณ์ความผิดหวัง ความแหลกเหลว หรือการหลอกลวงล้วนมีแง่ดีในการ “เป็นประวัติศาสตร์”ให้เราได้ศึกษาเรียนรู้และไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเรา มีไว้เพื่อสอนใจเรา
ลำพังศึกษาความผิดพลาดจากตัวเองก็แกร่งมาก แต่ถ้ายิ่งได้ศึกษาความผิดพลาดจากผู้อื่น(เรื่องราวต่างๆ)ก็ยิ่งทำให้แกร่งมากขึ้น และทั้งหมดนั้นจะเป็น “ตัวช่วย”เราในการเลือกคนที่เหมาะสมไม่ว่าจะมาจากเน็ตหรือโลกจริง
ที่ขาดไม่ได้คือ “สติ ปัญญา” ที่ต้อง “พิจารณาอย่างรอบคอบ” ... ขอให้เจอ right person soon ทุกคน
Pete@(hand)somewhere