Login
-
 view (352 )     comment (5 )     last update : 15/9/2562 12:47:57
Pete
Lady in A Man’s Shirt

ระเบียงบ้านหลังน้อยริมทะเล...

 

ผมเลือกพักบ้านหลังนี้เพราะมีหลายอย่างถูกใจผม มันอยู่ค่อนข้างไกลจากความวุ่นวาย ดูเหมือนมันจะเป็นบ้านหลังย่อมปลายรีสอร์ตที่มีอยู่ไม่กี่หลังบนเกาะนี้ สีสันขาวๆของมันเข้ากับชายหาดและท้องฟ้าโดยไม่ต้องแต่งแต้มอะไรมากนัก การตกแต่งแบบเรียบง่ายชวนให้นึกถึงบรรยากาศการพักผ่อนอย่างแท้จริงมากว่าประดับอะไรให้ไฮโซรกรุงรัง  บางทีผมเลือกบ้านนี้เพราะมันดูกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดในสายตาของผม

 

สายตาไล่ไปตามระเบียงไม้ที่ทาทับด้วยสีขาวชนิดที่ผมเรียกชื่อไม่ถูกรู้เพียงว่ามันขับลายไม้ให้เห็นภายใต้สีนั้น ผมเอนหลังแบบขี้เกียจมากๆไปกับพนักพิงที่ค่อนข้างแข็ง หากแต่กระเถิบบั้นท้ายห่างออกไปบ้างก็ทำให้เอนได้ตามที่ควรเป็น และความขี้เกียจตัวเดิมทำให้ผมพาดขาไปที่ระเบียงเพียงเพื่อให้รู้สึกสบายมากขึ้น

 

ลมทะเลพัดแรงสลับเอื่อยเป็นครั้งคราวพร้อมเป่าควันกาแฟเพื่อลดองศาความร้อนสะสมในถ้วยลงได้ดีมากว่าที่ผมจะไปเป่ามันเอง แต่ที่ต้องแลกกันก็คือมันพัดเอากลิ่นหอมของกาแฟถ้วยโปรดของผมกระจายไปตามทิศทางของมัน  จะว่าไปแล้วผมชอบบรรยากาศแบบนั้น เพราะมันเป็นธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้...ผมบอกตัวเองว่าถ้าอยากได้กลิ่นกาแฟทั้งวันก็คงต้องเป็นที่สตาร์บัคส์ไม่ใช่ที่ริมทะเลแบบนั้น

 

เบื้องหน้า....ไกลออกไปที่ชายหาด...สาวผิวขาวร่างอ้อนแอ้นที่เดินอยู่บนชายหาดนั้นหันมามองผมแล้วยิ้มให้ ...รอยยิ้มเธอบาดใจมาก ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลและชวนค้นหา ผมอยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไรหากผมทักทายเธอจากตรงนั้น แต่ด้วยระยะที่ห่างไกลชนิดตะโกนก็คงสู้สายลมไม่ได้จึงทำแค่ยกถ้วยกาแฟทำนองว่าทักทายหรือมาดื่มด้วยกันประมาณนั้น เธอยิ้มสวยก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วโบกมือทักทายผม

 

เธอใส่เสื้อเชิ้ตของผู้ชายตัวหลวมโคร่ง ผมไม่อยากเดาว่าภายใต้เสื้อผู้ชายตัวใหญ่ที่ทั้งไหล่ตก ทั้งชายเสื้อยาวเกือบถึงหัวเข่าของเธอนั้นจะมีอะไรน่าลุ้นอยู่ข้างในมากน้อยเพียงใด  เวลาที่ลมพัดแรงๆมาแต่ละทีผมแทบจะขอบใจลมที่ช่วยทำให้เสื้อตัวหลวมนั้นช่วยแนบเนื้อในส่วนที่ผมอยากลุ้นได้เข้าท่าดี...เธอยิ้มเอียงอายเมื่อเห็นผมจ้องไม่วางตาและคงรู้ว่าผมโฟกัสอะไรมากกว่าทะเล

 

“ได้ผลแฮะ” ผมคิดในใจตอนที่เธอเดินจากจุดนั้นแล้วตรงมาที่บ้านหลังน้อยที่ผมนั่งขี้เกียจอยู่

 

ลมชายหาดเหมือนรู้ใจ ช่วยพัดพาให้เห็นสัดส่วนที่อยู่ภายใต้เชิ้ตตัวโคร่งนั้นชัดขึ้น เหมือนเธอจะเขินเล็กน้อยที่ผมโฟกัสทั้งที่หน้าอิ่มเอิบของเธอสลับกับเรือนร่างเย้ายวนชวนสัมผัส บางทีเธอวางสองมือลงที่ชายเสื้อแล้วดึงมันให้ตึงลงไปด้านล่างเพื่อให้ผมหมดโอกาสลุ้นกับสัดส่วนเย้ายวนด้านหน้าบนกายเธอ

 

เธอไม่พูด...แต่เดินขึ้นบันไดไม้แน่นหนานั้น แล้วหมุนตัวมาที่ระเบียงที่ผมนั่งยืดขาช้าๆ  พลางจ้องหน้าผมแล้วยิ้ม

 

“พี่มองน้อง”

 

ผมคงไม่พูดเช่นเดิม แต่ให้เวลาในหัวใจเดินติ๊กๆไปเรื่อยๆ และความเงียบนั้นทำให้เธอพูดต่อ “มองนานแค่ไหนแล้วคะ น้องเขินนะ”เธอบอกแต่แตะขาผมให้ลดระดับจากพาดระเบียงลงวางแบบปกติและทำให้ผมต้องนั่งหลังตรงกับเก้าอี้ไร้พนักพิงนั้น

 

เธอนั่งตักผม โอบแขนข้างหนึ่งรอบคอ กลิ่นหอมจากเรือนกายเธอเย้ายวนใจนัก และจากสภาพคนที่ “เหมือนไม่เคยรู้จักกันเมื่อคืนก่อน” ก็เปลี่ยนเป็นคนคุ้นเคยเมื่อเธอค่อยๆแนบจมูกมาชนจมูกผมช้าๆ  มันเป็นรูปแบบ “เอสกิโมคิส”ที่เธอมักทำให้ผมบ่อยๆหลังจากสอนเธอไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

 

“น้องหายโกรธแล้วค่ะ”เธอบอกเบาๆข้างหูผม

 

แน่นอน...คืนก่อนเธอน้อยใจผมด้วยเรื่องราวบางอย่าง และรีบตัดบทด้วยการนอนหลับให้ลืมๆเรื่องเนกาทีฟแบบนั้นตามรูปแบบของเธอ...และเข้าขึ้นมา...เธอมีวิธีบอกใบ้ว่าหายโกรธผมด้วยการตื่นแต่เช้าในขณะที่ผมยังเป็นไอ้ขี้เกียจอยู่บนเตียง  แล้วเธอก็โยนชุดนอนเธอทิ้งไปแต่ไปใส่เชิ้ตของผมราวกับเป็นสัญญาณบางอย่าง

 

เราเคยคุยกันว่า เราต้อง put in someone’s shoes (เอาใจเขามาใส่ใจเรา)หากต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร...แต่ตอนนั้นเธอ  “ใส่เสื้อของผม” นั่นมันให้ความหมายที่ล้ำลึกยิ่งกว่า...ผมโง่ที่ตีความแบบนั้นไม่ออก กระทั่งมองเห็นเธอเดินที่ริมทะเลอย่างที่บอก

 

“พี่จะไม่พูดสักคำเหรอคะ”เธออ้อน

 

ผมไม่พูด แต่จับเธอนั่งตักแบบหันหน้ามาหาผม ท่านั่นนั้นล่อแหลมมาก เธอหายใจถี่ขึ้นเมื่อตอนที่ผมพรมจูบไปที่หน้าตาและหยุดที่ปากสวยๆของเธอ  อกเธอแนบชิดจนผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงภายใน  สะโพกเธอบดเบียดโยกส่ายเล็กน้อย ผมวางมือที่แผ่นหลังของเธอเพื่อให้ใกล้ชิดมากขึ้น

 

ให้ตายเถอะ...ผมเพิ่งรู้ว่าเธอไม่ใส่อันเดอร์แวร์สักชิ้น ผมไม่รู้ว่านั่นคือบางอย่างที่เธอจะสื่อให้ชัดเจนขึ้นหรือไม่ แต่เหตุการณ์วิกฤตนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้มจนแทบหยุดอะไรไม่อยู่

 

“พี่จะบอกอะไรน้องคะ จะไม่พูดกับน้องสักคำหรือคะ?”เธอย้ำเสียงกระเส่าและดูท่าจะคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

 

“ไปที่ห้องนอนเถอะ” นั่นเป็นคำพูดที่ผมพูดออกไป

 

จากนั้น...ที่ห้องนอน...เราไม่ได้พูดอะไรเป็นภาษาที่ใครจะเข้าใจกันนัก...ทั้งหมดคงเป็นคำอุทานล้วนๆ

 

 

………………

 

“ขอบคุณนะครับที่ยอมเข้าใจผม” อยากจะพูดแบบนั้น  แต่เธอดึงตัวผมไปที่เตียงอีกรอบ...และ ผมไม่เหลือคำพูดและเรี่ยวแรงพอที่จะ....เขียนอะไรได้อีก...แม้สักบรรทัดจากนี้

 

 

Pete@(hand)somewhere

ความคิดเห็น
ผู้แสดงความคิดเห็น

"You almost made my heart melt in your forgiveness".she said.
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 15/9/2562 13:59:36
ผู้แสดงความคิดเห็น

Enlightened by now!...Pleasure....
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 15/9/2562 14:30:25
ผู้แสดงความคิดเห็น

To pete ..(เหตุที่อ่านรอบ2อีกเพราะเห็นcommentกลับ สงสัยว่ามีปัจจัยใดที่ทำให้เกิดEnlightened !).เนื่องจากอ่านรอบแรก..มัวแต่ลุ้นว่าเธอคงเดินหายไป จากlocationนั้น ปล่อยให้"ผม"คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และรอจังหวะใหม่ที่เธออาจวนเข้ามาในเลนส์ม่านตาขิง"ผม"อีกทีเพราะมีสัญญาณบางอย่างที่ส่งถึงกันบ้างแล้ว..นั่นเอง..หรืออาจแค่คิดว่า..ช่างเถอะ ประเดี๋ยวก็มีสาวน้อย..คนใหม่ เดินมาในเฟรมอีกหลากหลายสไตล์..หรือไม่ก็เปลียนจุดfogus หักมุมคล้ายๆ เหตุเกิดในฟิตเนสเรื่องก่อน แต่ทว่าผิดคาด.. ความตื่นเต้นกลับมาเยือนคนอ่านอีกครั้งหนึ่ง..คราวนี้..ลุ้นระทึก..เมื่อสายตาเลื่อนผ่านคำว่า"เมื่อคืนเธองอนผม..นิดนึง"..และตอนนี้ภาพย้อนกลับไปที่ความเดิมเหมือนฉากละครที่ว่า.."เช้าวันใหม่..เธอให้อภัยผม.นั่นแปลว่า...แปลว่า.????. ดะ.ดะ..เดี๊ยวก่อนนะ!).เธอ.เดินขึ้นมา ..แล้ว..แล้ว.. พูดคุยกันแค่ 2-3 คำ..แล้วมานั่งตัก"ผม"เลยหรอ?..อืมมมม.."ดูผมจะมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองยิ่งนักนะ..แต่พอเลื่อนสายตาลงมาเรื่ิอยๆ ใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์..(ของเรื่อง).เฮ้อ..มิน่าล่ะ.."ผม" "สอนเธอเอาไว้แล้วจนเธอ..ไม่เขินแล้ว" อย่างนี้นี่เอง ..ฉากต่อไป นัวเนียเชียว!!.แอบจิกหมอนตามๆกัน.และเสื้อตัวโคร่งหลวมๆตัวนั้นเป็นของใคร? คงไม่ต้องถามถึงแล้วละ..ถ้าให้เดา.เธอกับ"ผม" คงเป็นคู่รักใหม่ที่พึ่งคบกันไม่นาน กำลังข้าวใหม่ปลามัน แต่เริ่มไว้วางใจกัน ซึ่งอาจเป็นเดทครั้งแรก(ที่ทำให้เธอ..เสียทีแก่ขุนศึกรึเปล่า?น้อออ..555).ทีต่างฝ่ายต่างมีpassionดึงดูดต่อกันมากมาย..จนแทบจะลืมกินข้าวกินปลา dopamineและendrophins ปริ่มหัวใจ......################
ในฐานะคนอ่าน อยากให้relashionshipนี้ มีdevilopment.และ happy moment... ตามที่ต้องการนะคะ ########################
ป.ล. "ความงามด้านวรรณศิลป์ เกิดขึ้นกับกับผู้ที่อดทน-เข้าถึงและมองทุกอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่มีสิ่งอื่นใดมาขวางกั้น และภาษาคือเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยให้มนุษย์ส่งผ่านความคิดและแสดงพฤติกรรมออกมาได้ละเมียดละมัยพิเศษเหนือชั้นกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ".................

Thank you for feelling story.
สั้นๆ..แต่ ฟิล ค่ะ Pete./Lee
แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 15/9/2562 18:13:57
ผู้แสดงความคิดเห็น

To Lee

ขอบคุณนะครับ มาคอมเมนต์กันซะ ระบม เอ๊ย ละเอียดเลย

แสดงความคิดเห็นเมื่อ : 15/9/2562 22:22:57