ระเบียงบ้านหลังน้อยริมทะเล...
ผมเลือกพักบ้านหลังนี้เพราะมีหลายอย่างถูกใจผม มันอยู่ค่อนข้างไกลจากความวุ่นวาย ดูเหมือนมันจะเป็นบ้านหลังย่อมปลายรีสอร์ตที่มีอยู่ไม่กี่หลังบนเกาะนี้ สีสันขาวๆของมันเข้ากับชายหาดและท้องฟ้าโดยไม่ต้องแต่งแต้มอะไรมากนัก การตกแต่งแบบเรียบง่ายชวนให้นึกถึงบรรยากาศการพักผ่อนอย่างแท้จริงมากว่าประดับอะไรให้ไฮโซรกรุงรัง บางทีผมเลือกบ้านนี้เพราะมันดูกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดในสายตาของผม
สายตาไล่ไปตามระเบียงไม้ที่ทาทับด้วยสีขาวชนิดที่ผมเรียกชื่อไม่ถูกรู้เพียงว่ามันขับลายไม้ให้เห็นภายใต้สีนั้น ผมเอนหลังแบบขี้เกียจมากๆไปกับพนักพิงที่ค่อนข้างแข็ง หากแต่กระเถิบบั้นท้ายห่างออกไปบ้างก็ทำให้เอนได้ตามที่ควรเป็น และความขี้เกียจตัวเดิมทำให้ผมพาดขาไปที่ระเบียงเพียงเพื่อให้รู้สึกสบายมากขึ้น
ลมทะเลพัดแรงสลับเอื่อยเป็นครั้งคราวพร้อมเป่าควันกาแฟเพื่อลดองศาความร้อนสะสมในถ้วยลงได้ดีมากว่าที่ผมจะไปเป่ามันเอง แต่ที่ต้องแลกกันก็คือมันพัดเอากลิ่นหอมของกาแฟถ้วยโปรดของผมกระจายไปตามทิศทางของมัน จะว่าไปแล้วผมชอบบรรยากาศแบบนั้น เพราะมันเป็นธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้...ผมบอกตัวเองว่าถ้าอยากได้กลิ่นกาแฟทั้งวันก็คงต้องเป็นที่สตาร์บัคส์ไม่ใช่ที่ริมทะเลแบบนั้น
เบื้องหน้า....ไกลออกไปที่ชายหาด...สาวผิวขาวร่างอ้อนแอ้นที่เดินอยู่บนชายหาดนั้นหันมามองผมแล้วยิ้มให้ ...รอยยิ้มเธอบาดใจมาก ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลและชวนค้นหา ผมอยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไรหากผมทักทายเธอจากตรงนั้น แต่ด้วยระยะที่ห่างไกลชนิดตะโกนก็คงสู้สายลมไม่ได้จึงทำแค่ยกถ้วยกาแฟทำนองว่าทักทายหรือมาดื่มด้วยกันประมาณนั้น เธอยิ้มสวยก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วโบกมือทักทายผม
เธอใส่เสื้อเชิ้ตของผู้ชายตัวหลวมโคร่ง ผมไม่อยากเดาว่าภายใต้เสื้อผู้ชายตัวใหญ่ที่ทั้งไหล่ตก ทั้งชายเสื้อยาวเกือบถึงหัวเข่าของเธอนั้นจะมีอะไรน่าลุ้นอยู่ข้างในมากน้อยเพียงใด เวลาที่ลมพัดแรงๆมาแต่ละทีผมแทบจะขอบใจลมที่ช่วยทำให้เสื้อตัวหลวมนั้นช่วยแนบเนื้อในส่วนที่ผมอยากลุ้นได้เข้าท่าดี...เธอยิ้มเอียงอายเมื่อเห็นผมจ้องไม่วางตาและคงรู้ว่าผมโฟกัสอะไรมากกว่าทะเล
“ได้ผลแฮะ” ผมคิดในใจตอนที่เธอเดินจากจุดนั้นแล้วตรงมาที่บ้านหลังน้อยที่ผมนั่งขี้เกียจอยู่
ลมชายหาดเหมือนรู้ใจ ช่วยพัดพาให้เห็นสัดส่วนที่อยู่ภายใต้เชิ้ตตัวโคร่งนั้นชัดขึ้น เหมือนเธอจะเขินเล็กน้อยที่ผมโฟกัสทั้งที่หน้าอิ่มเอิบของเธอสลับกับเรือนร่างเย้ายวนชวนสัมผัส บางทีเธอวางสองมือลงที่ชายเสื้อแล้วดึงมันให้ตึงลงไปด้านล่างเพื่อให้ผมหมดโอกาสลุ้นกับสัดส่วนเย้ายวนด้านหน้าบนกายเธอ
เธอไม่พูด...แต่เดินขึ้นบันไดไม้แน่นหนานั้น แล้วหมุนตัวมาที่ระเบียงที่ผมนั่งยืดขาช้าๆ พลางจ้องหน้าผมแล้วยิ้ม
“พี่มองน้อง”
ผมคงไม่พูดเช่นเดิม แต่ให้เวลาในหัวใจเดินติ๊กๆไปเรื่อยๆ และความเงียบนั้นทำให้เธอพูดต่อ “มองนานแค่ไหนแล้วคะ น้องเขินนะ”เธอบอกแต่แตะขาผมให้ลดระดับจากพาดระเบียงลงวางแบบปกติและทำให้ผมต้องนั่งหลังตรงกับเก้าอี้ไร้พนักพิงนั้น
เธอนั่งตักผม โอบแขนข้างหนึ่งรอบคอ กลิ่นหอมจากเรือนกายเธอเย้ายวนใจนัก และจากสภาพคนที่ “เหมือนไม่เคยรู้จักกันเมื่อคืนก่อน” ก็เปลี่ยนเป็นคนคุ้นเคยเมื่อเธอค่อยๆแนบจมูกมาชนจมูกผมช้าๆ มันเป็นรูปแบบ “เอสกิโมคิส”ที่เธอมักทำให้ผมบ่อยๆหลังจากสอนเธอไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
“น้องหายโกรธแล้วค่ะ”เธอบอกเบาๆข้างหูผม
แน่นอน...คืนก่อนเธอน้อยใจผมด้วยเรื่องราวบางอย่าง และรีบตัดบทด้วยการนอนหลับให้ลืมๆเรื่องเนกาทีฟแบบนั้นตามรูปแบบของเธอ...และเข้าขึ้นมา...เธอมีวิธีบอกใบ้ว่าหายโกรธผมด้วยการตื่นแต่เช้าในขณะที่ผมยังเป็นไอ้ขี้เกียจอยู่บนเตียง แล้วเธอก็โยนชุดนอนเธอทิ้งไปแต่ไปใส่เชิ้ตของผมราวกับเป็นสัญญาณบางอย่าง
เราเคยคุยกันว่า เราต้อง put in someone’s shoes (เอาใจเขามาใส่ใจเรา)หากต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร...แต่ตอนนั้นเธอ “ใส่เสื้อของผม” นั่นมันให้ความหมายที่ล้ำลึกยิ่งกว่า...ผมโง่ที่ตีความแบบนั้นไม่ออก กระทั่งมองเห็นเธอเดินที่ริมทะเลอย่างที่บอก
“พี่จะไม่พูดสักคำเหรอคะ”เธออ้อน
ผมไม่พูด แต่จับเธอนั่งตักแบบหันหน้ามาหาผม ท่านั่นนั้นล่อแหลมมาก เธอหายใจถี่ขึ้นเมื่อตอนที่ผมพรมจูบไปที่หน้าตาและหยุดที่ปากสวยๆของเธอ อกเธอแนบชิดจนผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงภายใน สะโพกเธอบดเบียดโยกส่ายเล็กน้อย ผมวางมือที่แผ่นหลังของเธอเพื่อให้ใกล้ชิดมากขึ้น
ให้ตายเถอะ...ผมเพิ่งรู้ว่าเธอไม่ใส่อันเดอร์แวร์สักชิ้น ผมไม่รู้ว่านั่นคือบางอย่างที่เธอจะสื่อให้ชัดเจนขึ้นหรือไม่ แต่เหตุการณ์วิกฤตนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้มจนแทบหยุดอะไรไม่อยู่
“พี่จะบอกอะไรน้องคะ จะไม่พูดกับน้องสักคำหรือคะ?”เธอย้ำเสียงกระเส่าและดูท่าจะคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
“ไปที่ห้องนอนเถอะ” นั่นเป็นคำพูดที่ผมพูดออกไป
จากนั้น...ที่ห้องนอน...เราไม่ได้พูดอะไรเป็นภาษาที่ใครจะเข้าใจกันนัก...ทั้งหมดคงเป็นคำอุทานล้วนๆ
………………
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเข้าใจผม” อยากจะพูดแบบนั้น แต่เธอดึงตัวผมไปที่เตียงอีกรอบ...และ ผมไม่เหลือคำพูดและเรี่ยวแรงพอที่จะ....เขียนอะไรได้อีก...แม้สักบรรทัดจากนี้
Pete@(hand)somewhere