Login
-
 view (169 )     comment (0 )     last update : 20/10/2562 7:17:34
หม่องฯ
ชีวิตคู่

ในฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆ ครับ 
ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก เพราะช่วงอายุขัยของวัยสาว เริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี แล้วมาสุดเขตแดนเมื่อ วัยสามสิบ วันเกิดครบรอบ 30 จึงเป็นตัวเลขแห่งความสะเทือนขวัญ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก หลายคนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย ถือเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็น อาวุธที่ชอบถามว่า
“ ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด “ เฉลย ปาเข้าไปสามสิบยังไม่มีผัว
“ใครดันถาม มันผู้นั้นสมควรตาย ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา 
คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า
“ อย่าริรักในวัยเรียน “ “ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี จบแล้วค่อยมีแฟน “ 
ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมี
โอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตา ก็หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท “ 
รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน “
ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา…เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา 
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

หลังจบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่าง “เลือกสรร - 
ควานหา” ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟน หนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟค 
อย่างวิลลี่ แมคอินทอทหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึม 
ถึงจะได้มาตรฐาน ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์ อย่าได้สเออะหน้ามาให้เห็น ไม่มีทางได้แอ้มหรอก

จากวันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี 
ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลาผ่านไป
เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน
เจ้านายก็มีเมียแล้ว… ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม
สองคนดันเป็นเกย์… อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า
คนสุดท้ายเป็นชายแท้ แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่ 
ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม…
นั่งรถมาทำงาน ก็สองชั่วโมงครึ่ง กลับอีกสองชั่วโมง สี่สิบนาที 
กลับถึงบ้านหมดสิ้นกำลัง
ขอนอนเอาแรงก่อน ขณะที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือ
สถาบันการศึกษาที่เธอจบมา แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม 
เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ ที่เขาเคยอุตส่าห์
มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อ แล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว 
ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิท เป็นที่เรียบร้อย
แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง…ตื่นพอดี เจอโลกแห่งความจริง

ดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาว ซองสีชมพูกลิ่นหอมๆ จาก เพื่อนๆ 
เริ่มทยอยมา ตามหลังซองกฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาล พอไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า
“เมื่อไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ”...
“โถ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว 
เหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใคร เพราะครั้งนี้
เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆ เรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย”
เอ๊ะ…เกี่ยวอะไรกัน!…ในใจก็คิดว่า ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไง 
หนักกระบาลใครรึเปล่า” เคยตั้งคำถามกันไหม…ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย!)
คำตอบจากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย
“อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา “ … รายนี้เห็นผู้ชาย 
เป็นตัวคลายเหงา
“รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน) “ … ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า
“อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ ... เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ
“โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ”… เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุนฯลฯ

อันว่า “ ชีวิตคู่ “ อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ? ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว
ครึ่งหนึ่งของ ชีวิตเราจะหายไป ในส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้น 
ขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

ความคิดเห็น
--- No Comment ---