+++ภาษาสะท้อนความคิดและความรู้สึก จนบางครั้งแทบจะแยกไม่ออกว่าอันไหนเกิดจากความคิด อันไหนเกิดจากความรู้สึก และในทางปฏิบัติ ก่อนที่จะสื่อสารออกมาเป็นภาษาพูดหรือเขียนหรือแม้แต่ อวัจนภาษา ต้องผ่านกระบวนการคิดจึงกรั่นกรองออกมาเป็นภาษา #หากคิดอย่างลึกซึ้ง ร่วมกับความรู้สึกชื่นชม-ชอบที่มีต่ออีกฝ่าย.ร่างกายจะหลั่งสาร แห่งความสุขออกมา(dopamine..และลึกล้ำถึง.Endorphins วุ่นวายปั่นป่วน รัญจวนจิตไปหมดก็จะสวยงาม นำพาให้ฝ่ายรับเกิดความสุข อิ่มอกอิ่มใจ ยิ้ม..ละมัยกับตัวอักษร..ที่สร้างความสุขและก่อเกิดพลังในกายให้กระปรี้กระเปร่าราวกับหนุ่ม-สาว แรกรุ่น################ดังนั้น..จึงมีอีกหลายคนที่หลงไหล..ไปกับเสน่ห์แห่งตัวอักษร..และเขียนเรื่องราวส่งผ่านความรู้สึกถึงกันและกัน..คนใบ้อ่านได้แต่ไม่มีวันได้ยินเสียงไพเราะจากตัวอักษรว่าภาษา"รัก" หวานหูขนาดไหน? และคนตาบอดก็ไม่อาจเห็นลีลาศิลปะลวดลายสื่อรักเหล่านั้น...เพียงแต่ท้ายที่สุด..มนุษย์ก็จะถูกสมองหาเหตุผลมาแยกแยะในการรับสารต่อให้หวานจนสำลักก็ต้องฟังเหตุผล..แต่ถ้าลองหลบๆสมองเจ้าของเหตุผลมาเชื่อความรู้สึกที่เรียกว่า"ใจ"ที่สัมผัสได้ ไปตามจินตนาการ อาจเพ้อเจ้อไปบ้างถึงเพ้อเจ้อสุดๆ..ความงดงามทางวรรณศิลป์สร้างสรรค์จำนรรจา..บ่งบอกออกเป็นภาษาพี่ส่งมาน้องส่งไป...ภาษา พาสุขได้.แน่นอน...ว่ามั๊ยคะ?คะ?..คนดี..แฮ่ร...####################################ปล. ยังงัยก็อย่าให้ภาษาพาเศร้านะคะ..บางทีมันอาจฟินสุดๆ.หลงรักตัวอักษร.เคยเป็นไหม..อกหักในจินตนาการ..ก็ทรมานถึงขั้นกินไม่แซ่บ..นอนไม่หลับไปหลายเพลา.จะหาว่าไม่เตือน..อิอื..