Login
-
 view (220 )     comment (0 )     last update : 25/11/2563 8:06:55
Yimna
นักซุ่มยิง...A sniper...(full)

..ลมหายใจทำให้ชีวิตอยู่ได้ก็จริงหากแต่ชีวิตยังคงขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่างทั้งที่สามารถควบคุมได้และอยู่เหนือการควบคุม พลังและความศรัทธาทั้งจากตัวเองและคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาชีวิตก้าวเดินต่อไป แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างที่ต้องพบเจอจะมีแต่ความปกติราบรื่นดีงามหรือเลวร้ายเสมอไป...ประสบการณ์แห่งชีวิตคือตัวแปรอันหลากหลายที่เราจะเลือกใช้ตัวแปรเหล่านั้นให้เป็นพลังบวกกับชีวิต..แม้ไม่ง่ายนักแต่คงไม่ยากจนเกินไป..ความคิดที่ผ่านความสงบสักครู่อาจก่อเกิดมุมมองอีกด้านหนึ่งได้เสมอ ....................................... #################เรื่องนี้เกิดขึ้นในบ่ายวันหยุดที่มีลูกค้ามานั่งจิบกาแฟและชิมเคักชิ้นเล็กๆ..ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นตั้งแต่มัธยมและนักศึกษาที่เดินทางกลับบ้านช่วงวันหยุด..นัดเดทกันมาเป็นคู่หญิงล้วนและกลุ่มเล็กๆ (ภาวนาว่าอย่ามา กลุ่มใหญ่เกินไป..รับไม่ทัน..เนื่องจากร้านเราเป็นร้านมินิๆภายในหมู่บ้าน..นึกอยากทำให้ครบวงจรอยู่เหมือนกันแต่ติดเรื่องเวลาและปัจจัยอื่นๆ) .......................................................................................................... ########ช่วงนั้นอากาศร้อนมากมีลูกค้านิสิตสาวนอกเครื่องแบบมากันสองคน เลือกมุมนั่งริมหน้าต่างไม่ห่างจากที่ทำงานของคนทำหน้าที่เอ็นเตอร์เทรนด์นัก..เสียงคุยกันจับสาระได้บ้างไม่ได้บ้าง(เพราะไม่ตั้งใจจะจับเอาสาระตามมารยาทที่ต้องให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดกับลูกค้า หากแต่ยังคงง่วนกับการประกอบเมนูให้ลูกค้าและนั่งรอการสั่งเพิ่มเติม..อย่างผ่อนคลาย)แต่ความคิดกลับย้อนทวนถึงเรื่องราวสมัยยังเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของหลักสูตร4ปี..ยังคงชัดเจนในความทรงจำ..............................…............................................................................. #################ตัดภาพไปณ.มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพอขึ้นปี3ปี4ก็ต้องออกมาพักหอนอก(ห้องเช่า)สองสาวคู่บัดดี้เช่าห้องพักห้องเดียวกัน สมัยนั้น(คงร่วม30ปีเห็นจะได้)วิถีชีวิตดำเนินไปตามอัตภาพประสานิสิตบ้านนอกก็จะมีพาหนะคู่ใจที่ส่งผลดีต่อสุขภาพจนทุกวันนี้คือจกย.คนละคัน บางวันนึกสนุกก็ซ้อนท้ายกันไป คนมีแฟนก็ซ้อนท้ายแฟนไป ระหว่างทางไปกลับระหว่าง(ม.)กับ(ห.)นั้นประมาณกิโลเศษๆแต่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่ารกและป่าละเมาะบ้างบางช่วง มีร่องรอยผู้คนเข้าป่าบ้าง คงไปหาของป่าหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึงในนั้น ปั่นๆถีบๆผ่านไป..ฟังเสียงนกเสียงกาบ้างเพลินๆไป บางทีเดี่ยวลำพังก็จะแอบร้องเพลงกล่อมใจตัวเองไปบ้างครั้นพอมีคนเดินสวนทางมาก็สงบเสงี่ยมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น.(อาย).บางทีค่ำๆหน่อยรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆเหตุการณ์บ้านเมืองช่วงนั้นมีข่าวลอบสังหารคนดังอยู่บ่อยๆทำให้ไม่มีใครกล้าปั่นหลังพระอาทิตย์ตกดินกลัวภัยที่มาจากความมืดด้วย หากมีกิจกรรมกลางคืนก็จะใช้จยย.ไปรับไปส่งกันในกลุ่มที่มีจยย. แต่เหตุผลที่ใช้จกย.เป็นส่วนใหญ่ก็ยังดีกว่าการเดินเรียนจากตึกโน้นไปตึกนั้น...นี้ บางตึกห่างกันเป็นกิโล..ที่สำคัญพ่อแม่ก็ชาวไร่ชาวนา ข้าราชการส่วนน้อย ไม่มีตังค์จะซื้อให้แหละ..ตรงๆ.อิิิ อิิิ............................................................................................................................................ ###################เลิกเรียนวิชาสุดท้ายเราซ้อนท้ายเพื่อนกลับเพราะเพื่อนตัวโตกว่า..กำลังจะขึ้นเนินมา คุยกันกระหนุงกระหนิงเรื่องผู้ชายในคณะบ้างและปัญหาแฟนของเพื่อน(ปี4แล้วไม่มีก็กระไรอยู่)..สงสัยเพราะปากแท้ๆคุยเรื่องผู้ชายมาดีๆ..เทวดาที่ป่าข้างทางคงได้ยิน..อยู่ๆก็เนรมิตชายร่างกำยำล่ำบึ๊ก โผล่พรวดมายืนข้างทาง!พร้อมอาวุธในมือ..มันมะเมื่อม! ไม่ทันมองว่าเป็นอาวุธชนิดใด แต่ด้วยสายตาแว่บนึง ขนาดเขื่องเอาการ..จ้องเล็งมาทางเรายืนจังก้าเล็งอาวุธเตรียมปล่อยกระสุนเต็มที่..สัญชาตญาณบอกตายแน่!!ต้องโดนยิงแน่ๆ เพื่อนนักปั่นคงเห็นก่อนเรา เธอรีบยกก้นลอยขึ้นจากอานจกย.ปั่นยิกๆๆปากก็เรียกคนข้างหลังละล่ำละ ลัก"กะ..กะ..แก.!. หะ..เห็น ป่าว!!" ตอบเสียงดัง"เห็นซี่!..เห็นเต็มๆ! โอ้ย!..แก! มันจะยิงแล้ว!! เร็วๆเข้า เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆ "พยางค์หลังรัวถี่ยิบ เพื่อนก็ซอยจนตูดบิดเป็นเลข8.รถส่ายซ้ายทีขวาทีเหมือนเสียศูนย์..เสียงกะเส่าสูบลมเข้าปอดเต็มพิกัด กระนั้นยังมีเสียงตามมาอีก.."แก...(ฟืด ฟืด ฟีด)แก.. ..เร็วๆๆๆๆๆ.อ๊ายยย!!..แก!.โอ๊ย.ๆๆ.แก๊.เร็วเร้วๆๆ.."พัลวันพั ลเกไปหมด ที่บอกให้เร่งไม่รู้มันบอกตัวเองหรือบอกเรากันแน่!? (เรานึกในใจจะช่วยงัยวะ!?มีที่ถีบอยู่ 2อัน นึกอยากกระโดดลงไปช่วยดันๆๆตูดรถให้เร็วขึ้น.พึ่งรู้นั่งเฉยๆยังขาอ่อนแรง..ทำได้อย่างเดียวคือส่งเสียงเชียร์รัวๆๆๆ,..ราวกับเสียงพากย์แข่งเรือยาว.."เสียงอุทานเสียงเชียร์ มั่วกันไปหมด!..ไม่รู้เผลอด่ามันไปบ้างมัํยที่ปั่นไม่ทันใจ..เหมือนนาทีหยุดโลก..โอ๊ย..พ่อแก้วแม่แก้ว!..จะบ้าตาย!!.ความกลัวแล่นจับขั้วหัวใจ..หนีสุดชีวิต!!.!!.................................................................... ###################..ผ่านขึ้นเนินมาได้ เห็นว่าปลอดภัยแล้ว คนปั่นชะลอความเร็วลงเพราะหมดแรง เรากระโดดลงดึงหลังรถให้หยุดแต่มือยังจับท้ายรถหาหลักยึด..ยืนแทบไม่อยู่..ส่วนเพื่อนยืนเกาะสองแฮนด์ ก้มหัวตัวโก่ง หอบแฮ่กๆ..เหมือนหมาหอบแดด..เราก็ด้วย! ต่างฝ่ายต่างสังเกตอาการกันและกันได้แค่มองตาพูดไม่ออก..ลมจะจับ..ร้อนๆแสบขึ้นมาในลำคอ นึกอย่างเดียวคือหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุด......................…...................................................................................................................................... ################### สักพัก...ตั้งหลักได้คนปั่นกับคนซ้อนพูดคำเดียวกัน "ไอ้บ้าเอ๊ย!!"แล้วสะดุด!ชะงักนิดหนึงมองตากันเหมือนจะบอกเออ..แกเริ่มก่อนก็ได้.. "แก..แกว่ามันใหญ่ไหมวะ"เพื่อนถาม "อะไร?!..ใหญ่สิ!นึกว่าเฮอคิวลิส ไม่ก็อาโนล ชวาร์กเกอร์ แน่เลยว่ะ" "บ้า!!ฉันหมายถึงอาวุธในมือมันน่่ะ" คนปั่นพยายามอธิบาย" "เออ.เนาะ!..ไม่ทันสังเกตว่ะแก..แต่คงไม่ใช่.38หรือ9 มม.หรอกแก..เอ็มสิบหกก็ไม่น่าใช่.!.มันประทับตั้งท่าซะขนาดนั้น .. น่าจะเป็นเอ็ม79หรือไม่ก็ตอปิโดละ..แกว่ามั๊ย?"เรายังสงสัย .."โอ๊ย.!!.อะไรก็ช่างเหอะ เออ!!..แต่มันใหญ่จริงๆว่ะแก..มันคงซุ่มจะยิงนานแล้ว เกือบโดนไอ้โรคจิตยิงเป้าไปแล้วมั๊ยล่ะแก!" เราก็สวนทัน"ยิงแกสิ!!""ยิงแกสิ!!" ยิงแกๆๆ..ยิงแกสิ!!!!ไม่รู้เสียงใครเป็นใครคนข้างหลังเอานิ้วจิ้มเอวคนข้างหน้า ..แล้วเสียงหัวเราะลืมเหนื่อยก็ดังลั่น55555555555555..ปั่นต่ออีกนิดนึงก็ถึงหอพัก..แต่ใจยังกังวลว่าวันต่อไปคงต้องไปเป็นกลุ่มๆ และคืนนั้นมีเรื่ิิองเล่าชาวหอเป็นตำนานอีกเรื่อง #อยู่มาจนปีสุดท้ายไม่!เคยเจอ...ขวัญเอ๋ยขวัญมา... .."ป้าคะ..ขอน้ำปั่นผลไม้รวม 2แก้วค่ะ"..เสียงนศ.สาวหนึ่งในสองปลุกภวังค์ "จ้าๆ.." เฮ้อ..นักซุ่มยิง..คงได้แค่ซ้อมยิง..กระสุนคงสาดไร้ทิศทาง!!??

ความคิดเห็น
--- No Comment ---