เราเคยมีแฟนตอนอายุ32 แต่แฟนของเราอายุ 50 ตอนที่เราคบกันเรามีความสุขมาก เพราะเค้าจะเอาใจเราทุกอย่าง ดูแล เทคแคร์ จนคนรอบข้างเราอิจฉา ( ตามประสาของคนที่มีแฟนเด็กก็ต้องเอาใจเป็นพิเศษใช่ป่ะ?) แม้แต่เราจะกินองุ่น เค้าก็จะเอามาล้างใส่จานให้อย่างดี ซึ่งนั่นก็อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับผู้หญิงทั่วไป แต่สำหรับเราไม่ใช่ เมื่อเขาเอาองุ่นล้างใส่จานอย่างดีเอามาวางไว้ให้เรา เราก็มองเห็นเม็ดองุ่น เราก็ถามเค้าว่าเม็ดข้างในกินได้มั้ย เค้าก็บอกว่า อย่ากินเลยมันกินไม่ได้หรอก เราก็ถามเค้าต่อไปว่า เมื่อรู้ว่ากินไม่ได้ทำไมไม่เอาออกล่ะ เค้าก็แกะองุ่นแล้วเอาเม็ดทุกเม็ดออก แล้วจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม เพื่อเอาไว้ให้เรากิน เค้าตามใจเราทุกอย่าง มีคนเคยถามเค้าว่าทำไมต้องตามใจเราขนาดนั้น เค้าบอกว่า ไม่ได้ตามใจแต่ที่ทำให้เพราะเค้าทำได้ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร และอีก 1 ประโยคที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราทำกับเค้าเกินไปหรือเปล่าน้า ก็คือ ที่ทำเพราะรัก ตั้งแต่วันนั้นเราพยายามปรับปรุงตัวเองให้ใจเย็น มีเหตุผล ไม่งอน ไม่งี่เง่า (แต่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก) แฟนของเราก็ดูจะพอใจกับสิ่งที่เปลี่ยนไปของเรา ความรักของเรามีความสุขขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็คงจริงว่า ความสุขอันยิ่งใหญ่มักจะมาพร้อมกับความทุกข์อันใหญ่ยิ่ง เมื่อวันนึง เราจะเซอร์ไพรส์เค้าโดยการไปหาเค้าโดยไม่บอกให้เค้ารู้ (ซึ่งปกติเค้าต้องมารอรับเราที่ขนส่งสายใต้ทุกครั้ง) เราเดินทางไปเอง เมื่อไปถึง เราก็เจอเค้าอยู่ในบ้าน เค้าเห็นเราเค้าก็ถามเราว่ามาได้ไง เราก็คิดว่าเค้าจะดีใจที่เห็นเรามาแต่ท่าทางของเขาแปลกๆ เราพยายามไม่คิดอะไร เราก็บอกว่าเราจะทำกับข้วให้กิน เมื่อเปิดตู้เย็นเราเห็นมีหมูมีผักเราก็ต้มจับฉ่ายให้เค้ากินเพราะเป็นอาหารโปรดของเขา เค้าบอกว่าตามสบายนะพี่ขอนอนก่อน (เอ..มันแปลกๆแล้วนะ ทำไมเค้าไม่ค่อยคุย ค่อยพูดกับเราเหมือนเดินแล้วเดินกลับไปยังห้องนอน แล้วเค้าก็นอน )เราพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล เพราะความน้อยใจอุตส่าห์ขึ้นรถมาหาเค้า จะเซอร์ไพรส์โดนเค้าเซอร์ไพรส์กว่าอีก แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่าเค้าคงง่วงทำงานมากเพลีย เดี๋ยวตื่นขึ้นมากินจับฉ่ายฝีมือเราก็คงจะดีขึ้น (คิดงี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ) พอซักทุ่มนึงเราเห็นเค้ายังไม่ตื่นก็ปลุกเค้ามากินข้าว เค้าบอกว่ากินก่อนเลยเค้ายังไม่หิว เค้าจะอาบน้ำก่อน (เราได้แต่ท่องไว้ในใจว่าอดทนไว้อ๋อ...อดทดไว้) เรานั่งรอเค้ายังไม่กินข้าว เค้าอาบน้ำเสร็จ ก็แต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก แล้วเค้าก็ถามเราว่า อ้าว ทำไมยังไม่กินล่ะ เราก็บอกว่าเรารอเค้า เค้าบอกว่าไม่ต้องรอ เค้าจะออกไปงานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวเพื่อน (ได้ยินแค่นั้น...ความอดทนทุกอย่างมันขาดสะบั้น และแรงอัดอั้นที่ถูกกดทับไว้ก็ระเบิดราวกับคลื่นสึนามิ) เราทุ่มหม้อต้มจับฉ่ายแตกถ้วยจานระเนระนาด แล้วก็วิ่งเข้าห้องนอนร้องไห้ เราคิดว่าเค้าจะตามมาง้อ เปล่าเลย เค้าขับรถออกไป ตอนนั้นเวลาประมาณ 2ทุ่ม เราร้องไห้จนหลับไป รู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีผ้าอุ่นๆมาเช็ดที่แก้ม เค้านั่นเอง เราคิดว่าน่าจะประมาณซักเที่ยงคืนมั้งที่เค้ากลับมา แต่เปล่าเลย 3ทุ่ม 15 นาที เขาถามว่ากินข้าวหรือยัง (แหม..ยังมีน่ามาถามก็ทุ่มทุกอย่างทิ้งหมดแล้วนี่ ) แต่เราไม่ได้ตอบเขา เขาบอกว่าไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน (ไอ้ปากเจ้ากรรมเราก็ไวเหลือเกิน ดันบอกกับเค้าว่า ไม่กิน ไม่ต้องมายุ่ง ลูกสาวเพื่อนสำคัญกว่าก็ไปเทคแคร์เค้าสิ) ตอนนั้นเรายังไม่ได้ดูเวลา ว่าเท่าไหร่ เค้าบอกว่าเค้าก็รีบกลับมาแล้ว อย่างอนได้มั้ย แค่นี้ก็ปวดหัวมากพอแล้ว พยายามอดทนขับรถกลับบ้านมาหาแฟนยังไม่ดีอีกเหรอ โห..นี่ใช้คำว่าอดทนเลยเหรอ (คือตอนนั้นโกรธมากจนไม่ตีความทำความเข้าใจกับคำพูดว่าหมายความว่ายังไง) ถ้าต้องอดทนขนาดนั้นก็ไม่ต้องทนแล้ว เลิกกัน เลยดีมั้ย จะทนไปทำไม เราถามเค้า แต่คำตอบของเขาทำเอาเราสะอึก เมื่อเค้าตอบมาว่า " ที่ทนก็เพราะมีคำว่ารักมากกว่าคำว่าทน แต่ถ้าวันไหนมีคำว่าทนมากกว่าคำว่ารัก วันนั้นก็จะไม่รักและก็จะไม่ทน" บอกตรงๆเลยว่า อึ้ง เจ็บ และมากไปกว่านั้นคือ.....กลัว